เมื่อวันที่ 3 ม.ค. นายเท็ด ครูซ ส.ว.รัฐเท็กซัส สังกัดพรรครัฐบาลรีพับลิกัน อดีตผู้ท้าชิงลงสมัครเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯและผู้สนับสนุนตัวยงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาประกาศจุดยืนทางการเมืองว่า ตัวเองและกลุ่ม ส.ว.พรรครีพับลิกันอีก 11 คน ไม่ขอลงมติในกระบวนการรับรองผลการเลือกตั้งสหรัฐฯจากคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ที่สภาคองเกรสต้องดำเนินการในวันที่ 6 ม.ค.นี้ เนื่องจากเห็นว่าเป็นการเลือกตั้งที่ถูกกล่าวหาว่าโกงและมีความผิดปกติมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ
ทั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นอกจากการประกาศไม่ร่วมลงมติแล้ว นายครูซจะเรียกร้องในวันที่ 6 ม.ค.นี้ ให้สภาคองเกรสจัดตั้งคณะกรรมาธิการพิเศษ เพื่อตรวจสอบกระบวนการเลือกตั้งเป็นเวลา 10 วัน ซึ่งจะเปิดทางให้รัฐต่างๆสามารถเปิดประชุมสภาท้องถิ่นรอบพิเศษ เพื่อเปลี่ยนผลโหวตของคณะผู้เลือกตั้ง ขณะที่นายลูอี โกห์เมิร์ต สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรัฐเท็กซัส สังกัดพรรครีพับลิกัน ประกาศรับลูกนายครูซ พร้อมระบุว่ามี ส.ส.รีพับลิกันกว่า 100 คน เห็นควรที่จะดำเนินการตั้งคณะกรรมาธิการตรวจสอบ
ก่อนหน้านี้ นายโกห์เมิร์ตได้ยื่นเรื่องต่อศาลกลางรัฐเท็กซัส ขอให้ศาลมอบอำนาจให้นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งจะทำหน้าที่ประธานรับรองผลการเลือกตั้งในสภาคองเกรสวันที่ 6 ม.ค. ในการที่จะพลิกผลโหวตของคณะผู้เลือกตั้งและให้สภาคองเกรสทำหน้าที่เลือกประธานาธิบดีแทน แต่ต่อมานายเพนซ์ได้แสดงจุดยืนคัดค้าน และศาลกลางรัฐเท็กซัสไม่รับฟ้องคำร้องดังกล่าว ทำให้นายโกห์เมิร์ตกล่าวแนะนำผู้สนับสนุนนายทรัมป์ ให้ออกมาประท้วงตามท้องถนนและใช้ความรุนแรง
กระบวนการรับรองผลการเลือกตั้งในสัปดาห์นี้ มีขึ้นหลังจากคณะผู้เลือกตั้งในแต่ละรัฐได้ดำเนินการ ลงคะแนนตามเสียงของประชาชน เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ปีก่อน โดยไม่มีคณะผู้เลือกตั้งแม้แต่คนเดียว ทำการโหวตสวนคะแนนเสียง ส่งผลให้นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้รับคะแนนผู้เลือกตั้ง 306 เสียง เกินเกณฑ์ 270 เสียง อย่างเป็นทางการ ส่วนนายมิช แม็คคอนเนล แกนนำ ส.ว.รีพับลิกัน เรียกร้องให้สมาชิกพรรครีพับลิกันลงมติรับรองผลการเลือกตั้งในวันที่ 6 ม.ค. และหลีกเลี่ยงการสร้างความแตกแยกทางการเมือง อนึ่ง สำนักข่าวต่างประเทศรายงานด้วยว่า ค่อนข้างแน่นอนว่าความพยายามของนายครูซจะล้มเหลว เพราะพรรคฝ่ายค้านเดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ ขณะที่วุฒิสมาชิกรีพับลิกันก็มีจุดยืนไม่เห็นด้วยจำนวนมาก.