นักวิจัยพบ "ดอกไม้สายพันธุ์ใหม่" ถูกฝังอยู่ในเศษก้อนอำพัน เศษซากดึกดำบรรพ์ของต้นไม้ที่สูญพันธุ์ไปแล้วในเมียนมา อายุเก่าแก่กว่า 100 ล้านปี

เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. นักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยรัฐโอเรกอน ในสหรัฐฯ เปิดเผยการค้นพบพืชดอกสายพันธุ์ใหม่ชื่อว่า "Valviloculus pleristaminis" ที่เคยเบ่งบานในยุคคลีเทเชียส โดยพบถูกฝังอยู่ในเศษก้อนอำพัน หรือยางไม้ ของต้นไม้ในเมียนมาที่ปัจจุบันนี้สูญพันธุ์ไปแล้ว แต่มีความเชื่อมโยงกับต้น "blackheart sassafras" ในออสเตรเลีย 

นักวิจัยเปิดเผยว่า พืชดอกชนิดนี้ถูกจัดอยู่ในวงศ์อบเชย (laurel family) วงศ์ของพืชดอกที่มีสมาชิกมากกว่า 3,000 สายพันธุ์ ใน 50 สกุล ส่วนใหญ่พบในเขตอบอุ่นและเขตร้อน โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแม้จะมีขนาดเล็กจิ๋วเพียง 2 มิลลิเมตร แต่ดอกไม้นี้มีเกสรตัวผู้ประมาณ 50 ชิ้นที่เรียงตัวกันอย่างสวยงาม 

โดยอำพันชิ้นนี้มีความเกี่ยวโยงกับต้นไม้ในออสเตรเลีย แต่มาถูกพบในพื้นที่ที่ปัจจุบันคือประเทศเมียนมา เนื่องจากแม้ว่าปัจจุบันพม่ากับออสเตรเลียมีทะเลขวางกั้น ห่างกันกว่า 6,400 กิโลเมตร แต่เมื่อร้อยล้านปีก่อนในยุคที่ดอกไม้นี้ยังมีอยู่ ทั้งเมียนมาและออสเตรเลียต่างตั้งอยู่บน "มหาทวีปกอนด์วานา" (Gondwanaland) ซึ่งการค้นพบครั้งนี้อาจเป็นข้อมูลใหม่สำหรับนักโบราณคดีที่ศึกษาถึงการแยกตัวของมหาทวีปกอนด์วานา ว่าแผ่นดินอาจมีการแยกตัวในช่วงเวลาช้ากว่าที่เคยระบุในทฤษฎีว่าอยู่ในช่วง 200-500 ล้านปีก่อน

...

จอร์จ พอยนาร์ จูเนียร์ นักบรรพชีวินวิทยา แห่งภาควิชาชีววิทยาเชิงบูรณาการ มหาวิทยาลัยรัฐโอเรกอน เปิดเผยว่า นี่เป็นดอกไม้ที่มีความสวยงาม โดยเฉพาะในแง่ที่มันเคยเป็นส่วนหนึ่งของป่าที่เคยมีอยู่บนโลกเมื่อ 100 ล้านปีก่อน โดยการค้นพบครั้งนี้ได้ถูกตีพิมพ์ลงในวารสารงานวิจัยพฤกศาสตร์ของสถาบันเทกซัส.

ที่มา : DailyMail