เยอรมนีเตรียมใช้มาตรการล็อกดาวน์ ปิดร้านค้าที่ไม่สำคัญ และโรงเรียนทั่วประเทศในวันพุธนี้ ยาวจนพ้นช่วงปีใหม่ หลังผู้ติดเชื้อในประเทศพุ่งสูง

สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า นายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล ประกาศหลังการประชุมร่วมกับผู้นำ 16 รัฐทั่วประเทศ ในวันเสาร์ที่ 12 ธ.ค. 2563 ว่า รัฐบาลจะเริ่มใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยจะเริ่มตั้งแต่ 16 ธ.ค. ถึง 10 ม.ค. 2564

นางแมร์เคิลระบุว่า “มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องใช้มาตรการควบคุม” หลังจากก่อนหน้านี้กระทรวงสาธารณสุขเผยว่า เยอรมนีพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายใหม่อีก 20,200 ราย ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และมีผู้เสียชีวิตอีก 321 ศพ โดยผู้นำหญิงเหล็กกล่าวโทษร้านค้าคริสต์มาสว่า เพิ่มการสัมผัสของผู้คนในสังคมขึ้นอย่างมาก

ทั้งนี้ รัฐบาลเยอรมนีใช้มาตรการล็อกดาวน์ในบางพื้นที่ที่พบการระบาดของเชื้อโควิด-19 รุนแรงมานับ 6 สัปดาห์แล้ว โดย ผับ บาร์ ร้านอาหาร ถูกสั่งปิด ขณะที่ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และโรงเรียน ยังได้รับอนุญาตให้เปิดทำการได้ เพียงแต่มีบางพื้นที่ที่พบการระบาดของเชื้อโควิด-19 รุนแรงได้มีการใช้มาตรการคุมเข้มมากขึ้นแล้ว

...

แต่ภายใต้มาตรการใหม่ ร้านค้าที่ไม่สำคัญทั้งหมด รวมทั้งร้านทำผม จะถูกปิดทั่วประเทศ เช่นเดียวกับโรงเรียน การจัดงานปีใหม่และการขายพลุดอกไม้ไฟจะถูกห้าม การดื่มแอลกอฮอล์ในที่สาธารณะเช่นที่แผงขายไวน์ ก็ทำไม่ได้เช่นกัน

นอกจากนี้ การรวมตัวในที่สาธารณะยังถูกจำกัดไม่ให้เกิน 5 คน จากไม่เกิน 2 ครัวเรือนด้วย แต่กฎนี้จะได้รับการผ่อนคลายในช่วงคริสต์มาส 24-26 ธ.ค.นี้ โดยจะให้ 1 ครัวเรือนสามารถเชิญสมาชิกครอบครัวที่สนิทกันมาที่บ้านได้สูงสุด 4 คน

ด้านธุรกิจสำคัญ เช่น ซุปเปอร์มาร์เก็ต และธนาคาร จะได้รับอนุญาตให้เปิดต่อไป ส่วนร้านขายต้นคริสต์มาสยังทำการซื้อขายได้ รัฐบาลยังเรียกร้องให้บริษัทต่างๆ อนุญาตให้พนักงานทำงานจากที่บ้านได้ด้วย และจะให้เงินช่วยเหลือธุรกิจที่ได้รับผลกระทบสูงสุด 500,000 ยูโรต่อเดือน

ส่วนที่แคว้นบาวาเรีย จะขยายมาตรการเคอร์ฟิวให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วรัฐ จากเดิมที่ใช้แค่ในพื้นที่ที่อัตราการระบาดของไวรัสโควิด-19 พุ่งสูงเท่านั้น.