กาแล็กซีทางช้างเผือกของเรามีดวงอาทิตย์ประมาณ 200,000 ล้านดวงและก๊าซในปริมาณมาก ซึ่งบางส่วนทำหน้าที่เป็นวัตถุดิบในการกำเนิดดวงดาว ก๊าซจะรวมตัวกันเป็นก้อนขนาดเล็กและขยายเป็นเมฆโมเลกุล เรียกง่ายๆ ว่าเมฆโมเลกุลเต็มไปด้วยวัตถุดิบที่ทำให้ดาวดวงใหม่ก่อตัว การทำแผนที่ของเมฆเหล่านี้จึงจำเป็นต่อการกำหนดตัวแปรสำคัญ เช่น ประสิทธิภาพของการสร้างดวงดาวในทางช้างเผือก เพราะโครงสร้างและสภาพทางกายภาพภายในก้อน เมฆ ถือเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับทฤษฎีการก่อตัวของดวงดาว
นักดาราศาสตร์ได้ใช้กล้องโทรทรรศน์เอเพ็กซ์ในชิลี ส่องลึกเข้าไปในระนาบกาแล็กซีและวัดตัวกลางระหว่างดวงดาว ศึกษาการกระจายของก๊าซโมเลกุลเย็นตรงบริเวณด้านในของทางช้างเผือกด้วยความแม่นยำที่ไม่เคยมีมาก่อนเพื่อจัดทำรายการเมฆระหว่างดวงดาว ในโครงการ Structure, Excitation and Dynamics of the Inner Galactic Interstellar Medium (SEDIGISM) ครอบคลุมพื้นที่ 84 ตารางองศาในท้องฟ้าทางใต้ นักดาราศาสตร์สังเกตเส้นสเปกตรัมของโมเลกุลคาร์บอนมอนอกไซด์ ที่มีไอโซโทปหายาก 13 CO และ C18O รวมถึงมวลและการกระจายตัวแบบ 3 มิติของก๊าซโมเลกุลที่เย็นและหนาแน่นในตัวกลางระหว่างดาว พบโครงสร้างต่างๆ เช่น เส้นใยและช่อง สิ่งเหล่านี้เป็นผลมาจากผลกระทบทางกายภาพที่แตกต่างกัน
โครงการดังกล่าวจัดทำรายการเมฆระหว่างดวงดาวมากกว่า 10,000 ก้อน พบว่าปัจจุบันมีดาวเพียง 10% เท่านั้น ทั้งนี้ ต้องยกความดีความชอบให้กล้องโทรทรรศน์เอเพ็กซ์ ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 5,100 เมตรบนที่ราบชาฮ์นันตอร์ ในทะเลทรายอาตากามาของชิลี ที่นี่มีปริมาณไอน้ำต่ำมาก จึงทำให้ชั้นบรรยากาศโปร่งใส.
(ภาพประกอบ Credit : Pixabay)