ผลวิจัยล่าสุดชี้ว่า พลเรือนชาวอัฟกานิสถานเสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศ ฝีมือกองทัพรัฐบาลและกองกำลังต่างชาติเพิ่มขึ้นมากถึง 330% ในช่วงปี 2559-2562
มหาวิทยาลัย บราวน์ ของสหรัฐฯ จัดทำโครงการวิจัยที่ชื่อ ‘Cost of War’ เพื่อศึกษาผลกระทบของสงครามที่มีต่อประชาชน โดยพวกเขาเผยรายงานฉบับใหม่ในวันจันทร์ที่ 7 ธ.ค. ที่ผ่านมา ภายใต้หัวข้อว่า การเสียชีวิตที่เพิ่มมากขึ้นของพลเรือนอัฟกานิสถาน จากการโจมตีทางอากาศในปี 2560-2563
รายงานระบุว่า จำนวนพลเรือนในอัฟกานิสถานที่เสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศของกองกำลังต่างชาติลดลงอย่างมาก หลังจากสหรัฐฯ เพิ่มความเข้มงวดของกฎการปะทะ (ROE) ในปี 2552 โดยเหลือเฉลี่ยปีละไม่ถึง 200 ราย แต่การต่อสู้กลับมารุนแรงอีกครั้งหลังสหรัฐฯ ผ่อนกลายกฎดังกล่าวในปี 2560 เพื่อกดดันกลุ่มตาลีบันให้เจรจาสันติภาพ
เรื่องดังกล่าวทำให้มีประชาชนเสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศฝีมือกองกำลังฝ่ายรัฐบาลอัฟกานิสถานมากขึ้นถึง 330% โดยในปี 2562 เพียงปีเดียว มีพลเรือนชาวอัฟกานิสถานเสียชีวิตกว่า 700 ศพ ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2544 ปีแรกที่สหรัฐฯ บุกอัฟกันหลังเหตุโจมตีตึกแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์
หลังจากสหรัฐฯ กับตาลีบันบรรลุข้อตกลงสันติภาพเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 สหรัฐฯ ก็ลดการโจมตีทางอากาศ และสัญญาว่าจะลดกำลังทหารในอัฟกานิสถานลง อย่างไรก็ตาม Cost of War พบุว่า กองทัพอัฟกานิสถานกลับเป็นฝ่ายยกระดับการโจมตีทางอากาศของตัวเองมากขึ้น
สถิติในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 ชี้ว่า กองทัพอัฟกันทำให้พลเรือนของตัวเองเสียชีวิตในการโจมตีทางอากาศแล้ว 86 ศพ และบาดเจ็บอีก 103 ราย มากที่สุดนับตั้งแต่พวกเขาเริ่มออกปฏิบัติการโจมตีในประเทศ
ที่มา: BBC
...