รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เพิ่มความกดดันทางเศรษฐกิจต่อจีนโดยห้ามนำเข้าฝ้ายจากองค์กรกึ่งทหารของจีนที่ระบุว่าใช้แรงงานบังคับของชาวมุสลิมอุยกูร์ที่ถูกคุมขัง โดยหน่วยปกป้องศุลกากรและเขตแดนสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ว่า ได้ออกคำสั่งระงับการปล่อยสินค้า เพื่อห้ามการนำเข้าฝ้ายและผลิตภัณฑ์จากฝ้ายจากบริษัทซินเจียงโปรดักชัน แอนด์ คอนสตรักชัน คอร์ปส์ (XPCC) หนึ่งในผู้ผลิตรายใหญ่สุดของจีนการเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการขายสิ่งทอและเครื่องแต่งกายไปยังสหรัฐฯ ที่เป็นหนึ่งในหลาย นโยบายที่ฝ่ายบริหารของทรัมป์ได้ดำเนินการในช่วงสัปดาห์สุดท้ายเพื่อให้นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บรรเทาความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีนได้ยากขึ้น

การพุ่งเป้าไปที่ XPCC ซึ่งผลิตฝ้ายได้ 30% ของผลผลิตทั้งหมดของจีนในปี 2558 เป็นไปตามคำสั่งของกระทรวงการคลังในเดือน ก.ค.ที่แบนการทำธุรกรรมของสหรัฐฯทั้งหมดกับองค์กรกึ่งทหารของจีนที่แผ่กิ่งก้านสาขาซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2497 นายเคน คุชชิเนลลี รมว.กระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิสหรัฐฯ ซึ่งดูแลหน่วยปกป้องศุลกากรและเขตแดนสหรัฐฯ เรียกป้าย “ผลิตในประเทศจีน” ว่าเป็น “ป้ายเตือนว่าอาจเป็นสินค้าที่มาจากการใช้แรงงานทาสในการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ร้ายแรงที่สุดในโลกสมัยใหม่ยุคปัจจุบัน”

ทั้งนี้ องค์การสหประชาชาติอ้างรายงานที่น่าเชื่อถือว่าชาวมุสลิม 1 ล้านคนอยู่ในค่ายถูกสั่งให้ทำงานหนัก ขณะที่จีนปฏิเสธการทารุณชาวอุยกูร์ โดยระบุว่าเป็นศูนย์ฝึกอาชีพที่จำเป็น ในความพยายามต่อสู้กับลัทธิหัวรุนแรง การห้ามนำเข้าจะบังคับให้บริษัทเครื่องแต่งกายและบริษัทอื่นๆที่ส่งสินค้าไปยังสหรัฐฯ ต้องกำจัดผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดย XPCC เท่ากับเป็นการปิดกั้นการนำเข้าสิ่งทอฝ้ายของจีนทั้งหมด มีความกังวลว่าจะทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและมีเพียงบริษัทใหญ่เพียงไม่กี่แห่งที่สามารถรับประกันได้ว่าไม่มีการใช้ผลิตภัณฑ์จาก XPCC แบรนด์เสื้อผ้ารายใหญ่ แก๊ป อิงค์, พาตาโกเนีย อิงค์ และ อินดิเท็กซ์ เจ้าของแบรนด์ “ซาร่า” ยืนยันว่าไม่ได้จัดซื้อมาจากโรงงานในซินเจียง แต่ก็ไม่สามารถยืนยันในกระบวนการผลิตโดยรวมได้

...

ไบเดนได้ให้คำมั่นที่จะทำงานร่วมกับพันธมิตรของสหรัฐฯ เพื่อกดดันจีนในกรณีสิทธิมนุษยชนและการค้าที่ไม่เป็นธรรม ขณะที่ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาทรัมป์ได้เพิ่มมาตรการดำเนินการกับบริษัทรายใหญ่ของจีนโดยห้ามการเข้าถึงเทคโนโลยีและการลงทุนของสหรัฐฯ.