แม้วัยเกือบใกล้ 90 ปี ของ มอง บิ๋น ศิลปินรุ่นยายทวดชาวเวียดนาม แต่ก็ยังขยันขันแข็งด้วยท่าทางกระฉับกระเฉงเลือกมุมโปรดภายในห้องที่บ้านหลังเล็กๆชานกรุงฮานอย จัดแสงแล้วนั่งลงเพื่อเตรียมทำกิจกรรมสุดโปรด...วาดภาพสีน้ำ

“สำหรับฉันแล้ว การวาดรูปก็เหมือนกินข้าว ในเมื่อฉันต้องกินข้าว ฉันก็ต้องวาดรูป” นั่นคือเหตุผลของ บิ๋น ที่ใช้เวลาทำในสิ่งที่ตัวเองรัก บางวันนานสุด 8 ชม.

ถือเป็นศิลปิน “บุกเบิก” ที่ช่วยสร้างแรงดลใจให้กับศิลปินสาวๆ รุ่นลูก รุ่นหลาน เพราะผลงานได้รับการตอบรับจากต่างประเทศ และยังมีชิ้นงานไปแสดงที่พิพิธภัณฑ์ของอังกฤษอีกด้วย

แต่สำหรับภายในประเทศแล้ว ศิลปินวัยตกกระกลับใช้เวลานานหลายปี กระทั่งตัดสินใจจัดงานนิทรรศการผลงานเดี่ยวของตัวเองเป็นครั้งแรก ทั้งที่ตอนแรกลังเล แต่ก็แพ้เสียงเฮ เสียงเชียร์ของลูกๆ

“ความจริงแล้ว คือ ฉันไม่อยากขายงานของตัวเอง ก็เลยไม่อยากเห็นมันจะไปถึงจุดนั้น เพราะการวาดภาพคือความทรงจำของฉัน”

ด้วยความเชี่ยวชาญชำนาญในการวาดสีน้ำเป็นภาพของชีวิตประจำวัน หรือภาพชาวบ้านทั่วๆไป โดยเฉพาะผู้หญิง บิ๋นเกิดและเติบโตในช่วงที่เวียดนามตกอยู่ใต้อาณานิคมฝรั่งเศส เคยมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบากเลี้ยงลูก 2 คน กับสามี ซึ่งเป็นนักไวโอลิน ที่ได้รับบาดเจ็บอยู่นานหลายปีเพราะออกไปสู้รบกองทัพฝรั่งเศสในลาว

และเพื่อให้ครอบครัวรอด จึงต้องออกหากิน คุณยายสายอาร์ตก็ไปสมัครเรียนวิทยาลัยศิลปะเวียดนามที่เพิ่งเปิดใหม่ๆ ในปี 2499 ที่กรุงฮานอย พร้อมๆกับหางานทำรับจ้างวาดรูปการ์ตูนโฆษณาชวนเชื่อให้กับหนังสือพิมพ์ แต่ก็ไม่ทิ้งสิ่งที่ตัวเองรัก คือการสเกตช์รูปกับสิ่งที่เห็นตามท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นหญิงยากจนนอนกองกับพื้น หรือแม่ให้นมลูก

...

จนภาพสีน้ำที่หญิงแก่นั่งบนพื้น สามารถคว้ารางวัลเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2536 กับทางสมาคมจัดแสดงจิตรกรรมประจำปีเวียดนาม

“ความสุขของฉันคือเวลาที่ได้สเกตช์รูปหรือวาดภาพสีน้ำ เป็นวิถีการรับมือกับความยากลำบากของชีวิต” นี่จึงเป็นศิลปะไม่มีวันตาย อายุขัยก็ไม่ใช่อุปสรรคอย่างแท้จริง.

ฤทัยรัช จันทร์เพ็ญ