ช่วงนี้เมื่อ พ.ศ.2559 ผมติดตามอาจารย์นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย ไปบรรยายที่ห้องประชุมวิทยาลัยรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยอัล มุสตานสิริยาฮฺ กรุงแบกแดด นอกจากนั้นยังได้ติดตามถามข่าวการสู้รบระหว่างรัฐบาลอิรักกับกลุ่มรัฐอิสลามอิรักและลิแวนต์ (ISIL) บางคนเรียกว่าดาเอซหรือไอเอส หรือกองกำลังรัฐอิสลาม

มีหลายกลุ่มย่อยที่สวามิภักดิ์ต่อกลุ่มรัฐอิสลามอิรักและลิแวนต์ หนึ่งในกลุ่มที่โด่งดังคือกลุ่มโบโกฮะรอม หลายคนอาจจะออกเสียงว่าโบโกฮาราม ซึ่งเป็นขบวนการก่อการร้ายที่มีฐานอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย ขบวนการนี้ เคยลักพาตัวนักเรียนมัธยมหญิงเกือบ 300 คน เพราะเด็กนักเรียนหญิงเหล่านี้เรียนหนังสือแบบทางโลกไม่ใช่ทางศาสนา ซึ่งโบโกฮะรอม แปลว่าการศึกษาแบบตะวันตกเป็นสิ่งต้องห้าม

คนที่ตั้งกลุ่มโบโกฮะรอมเมื่อ พ.ศ.2545 คือนายโมฮัมหมัด ยูซูฟ ตั้งขึ้นเพื่อให้เป็นแนวร่วมประชาชนสำหรับแบบแผนแห่งการเป็นสาวกทางวัฒนธรรมและญีฮัด ตอนที่นายยูซูฟตั้งกลุ่มนี้เป็นครั้งแรก แกต้องการปลูกฝังการก่อตั้งรัฐอิสลามทางภาคเหนือของไนจีเรียโดยสันติวิธี

พ.ศ.2552 กลุ่มโบโกฮะรอมมีปัญหากับตำรวจ และสมาชิกของกลุ่มถูกฆ่าตาย จึงเริ่มมีการตอบโต้ด้วยอาวุธ ภายหลังอาบูบาการ์ เชเกา ขึ้นมาเป็นหัวหน้ากลุ่มคนใหม่ นายคนนี้ใช้วิธีการรุนแรงเหี้ยมโหด ลักพาตัวและฆ่าชาวต่างชาติ จนถึงปัจจุบัน กลุ่มโบโกฮะรอมฆ่าคนบริสุทธิ์ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นคน และทำให้คนหลายล้านคนไม่มีที่อยู่อาศัย

ที่ผมยกเรื่องกลุ่มโบโกฮะรอมมารับใช้ผู้อ่านท่านในวันนี้ ก็เพราะเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2563 สมาชิกกลุ่มนี้บุกเข้าไปหมู่บ้าน แล้วฆ่าปาดคอชาวนาและคนงานที่กำลังเกี่ยวข้าว ตอนนี้พบศพแล้ว 110 ราย

ไนจีเรียมีพื้นที่เกือบล้านตารางกิโลเมตร ความที่อาจารย์นิติภูมิธณัฐเคยเป็นประธานหอการค้าไทย-ไนจีเรียคนแรก ทำให้เราได้มีโอกาสเดินทางไปไนจีเรียหลายครั้ง พบว่าเป็นประเทศที่น่าทำมาค้าขายและลงทุนเนื่องจากมีประชากรมากถึง 191 ล้าน มีก๊าซธรรมชาติปิโตรเลียม แร่เหล็ก สังกะสี และมีทรัพยากรธรรมชาติที่ยังค่อนข้างสมบูรณ์

...

แต่บรรยากาศของความเป็นมิตรไมตรีของผู้คนยังใช้ไม่ได้ครับ ไปที่ไหนก็เจอแอเรียบอยซึ่งหมายถึงมาเฟียท้องถิ่นที่เข้ามาไถสตางค์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง บางครั้งการเดินทางไปต่างเมืองของเราก็โดนเจ้าหน้าที่รัฐเรียกตรวจเกือบทุก 10 กิโลเมตร และพยายามหาความผิดจากรถที่เรานั่งไปให้ได้ สุดท้ายก็ต้องจ่ายค่านักเลงเพื่อให้การเดินทางราบรื่น

สิบกว่าปีก่อน การเดินทางไม่ว่าจะเป็นทางรถหรือทางเครื่องบิน ก็มักจะเจอคนเถียงกัน หรือแม้แต่ชกต่อยกัน แทบทุกครั้งที่เราจะขึ้นเครื่องบินออกจากไนจีเรีย มักจะโดนเรียกชื่อ ให้ไปตรวจกระเป๋าเป็นกรณีพิเศษ แล้วก็ค้นกระเป๋าซอกแซกยืดเยื้อ มีคนแนะนำว่าถ้าเจอเหตุการณ์อย่างนี้ ให้จ่ายสตางค์เพื่อให้สามารถพ้นจากสถานที่ตรวจเพื่อไปให้ทันเครื่องบิน

บางประเทศมีโอกาสใหญ่ทางการค้าการลงทุนรออยู่ข้างหน้า จริง แต่ความโปร่งใสในการทำธุรกิจและบรรยากาศความเป็นมิตรของผู้คนมีน้อย ทำให้ผู้คนแขยงแขงขนไม่อยากจะเข้าไปเกี่ยวดองหนองยุ่งกับประเทศเหล่านี้

ข่าวการลักพาตัวคนต่างชาติในไนจีเรียเพื่อเรียกค่าไถ่มีให้ได้ยินเป็นประจำ จนกลายเป็นข่าวธรรมดาไปเสียแล้ว ที่พูดนี่ผมไม่ได้เขียนจากการฟังเขาเล่าต่อๆกันมา แต่เขียนจากประสบการณ์จริง เดินทางไปจริง พบกับเหตุการณ์เลวร้ายจริง ครั้งหนึ่งมีคนพาไปเดินตลาดปลา เจอนักเลงมากระชากกล้องแล้วก็มีการนำพวกมาล้อมเพื่อให้เราจ่ายค่าเดินในตลาด

ความที่มีผู้ชนมากมายหลากหลายเผ่าพันธุ์ ผู้คนนับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 50 คริสต์ร้อยละ 40 นอกจากนั้นยังมีพวกที่เชื่อมดถ่อหมอผีอีกเป็นจำนวนไม่น้อย ทำให้ไนจีเรียยังเป็นดินแดนแห่งความขัดแย้ง ซึ่งทำนายทายทักไม่ได้ว่าจะสงบเมื่อใด.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com