• รัฐบาลอังกฤษริเริ่มมาตรการ "Eat Out to Help Out" หรือ "EOHO" แบ่งเบาค่าใช้จ่ายประชาชนในการรับประทานอาหารนอกบ้าน ตั้งแต่วันที่ 3 -31 สิงหาคม ที่ผ่านมา เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านอาหารรายย่อย ผับ และบาร์ต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากช่วงล็อกดาวน์
  • มีร้านอาหาร ผับ คาเฟ่ โรงอาหาร ศูนย์อาหาร และร้านอาหารแบบสมาชิก จำนวน 83,068 แห่งลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ กระทรวงการคลังใช้งบฯไป 500 ล้านปอนด์ ประมาณ 20,000 ล้านบาท 
  • งานวิจัยชี้โครงการ "Eat Out to Help Out" มีส่วนโดยตรงทำให้โควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดรอบใหม่ เกิดคลัสเตอร์เพิ่ม 6 กรณี ทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 8-17% ระหว่างช่วงปลายเดือนส.ค. ถึงต้นเดือนก.ย.ที่ผ่านมา

ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ดำเนินเรื่อยมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และระบบเศรษฐกิจระดับฐานรากก็ต่างได้รับผลกระทบไปตามๆ กัน หนักที่สุดคือ ร้านอาหารและเครื่องดื่มรายย่อยที่ไม่มีระบบบริการส่งเดลิเวอรี ตลอดจนผับบาร์ต่างๆ เมื่อประชาชนต้องกักตัวอยู่กับบ้าน ในขณะที่หลายร้านก็ต้องปิดให้บริการในช่วงมาตรการล็อกดาวน์ และเมื่อสิ้นสุดมาตรการล็อกดาวน์ รัฐบาลอังกฤษก็ได้ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายระลอก หนึ่งในนั้นคือโครงการ "Eat Out to Help Out Scheme" ระหว่างวันที่ 3-31 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยประชาชนที่สมัครเข้าร่วมโครงการ เมื่อไปใช้บริการในร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการก็จะได้รับส่วนลด 50% สำหรับค่าอาหารที่รับประทานที่ร้านอาหาร แต่ไม่เกินรายละ 10 ปอนด์ หรือประมาณ 400 บาท โดยใช้สิทธิได้ทุกวันจันทร์ถึงวันพุธตลอดเดือนสิงหาคม โดยส่วนลดจะไม่รวมค่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

...

กระแสตอบรับดี ประสบความสำเร็จตามคาด

กระทรวงการคลังของอังกฤษ เปิดเผยข้อมูลที่ระบุว่า จำนวนการใช้บริการร้านอาหารของผู้บริโภคในสัปดาห์แรกของโครงการ อยู่ที่ 10.5 ล้านครั้ง โดยมีร้านอาหาร ผับ คาเฟ่ โรงอาหาร ศูนย์อาหาร และร้านอาหารแบบสมาชิก จำนวน 83,068 แห่ง ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ

ขณะที่หลังจากให้ส่วนลดแล้วรัฐบาลจะจ่ายเงินคืนให้กับร้านอาหารภายในเวลา 5 วันทำการ และพบว่าช่วงสัปดาห์แรกมีร้านอาหาร รับเงินคืนจากรัฐบาลแล้วเป็นจำนวน 10.54 ล้านครั้ง ซึ่งรัฐบาลได้เตรียมงบประมาณสำหรับโครงการนี้ไว้ที่ 500 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 20,000 ล้านบาท 

ด้านบริษัท "Open Table" ผู้ให้บริการจองร้านอาหาร เปิดเผยว่าในวันที่ 3 ส.ค. ซึ่งเป็นวันแรกของโครงการ มีจำนวนผู้ใช้บริการจองร้านอาหารเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2562 ขณะเดียวกัน บริษัทวิเคราะห์เศรษฐกิจ "Spring Board" เปิดเผยข้อมูลว่า โครงการนี้ช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคออกมารับประทานอาหารนอกบ้านมากขึ้น และยังทำให้มีผู้บริโภคแวะเดินจับจ่ายในแหล่งช็อปปิ้งเพิ่มขึ้นระหว่างวันที่ 3-5 ส.ค. โดยเพิ่มขึ้น 18.9% ในช่วงเวลาหลังมื้อค่ำ 18.00 น. และเพิ่มขึ้น 9.6% ในช่วงหลังมื้อเที่ยง ระหว่างเวลา 12.00-14.00 น.

ด้านนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ยอมรับว่าโครงการนี้ นอกจากกระตุ้นการกินดื่มใช้จ่ายร้านค้ารายย่อยแล้ว ยังช่วยลดจำนวนคนตกงานในอุตสาหกรรมบริการ อย่างไรก็ตามอาจจะมีผลกระทบต่อตัวเลขผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 

งานวิจัยชี้เป็นต้นเหตุการระบาดรอบ 2 

งานวิจัยของมหาวิทยาลัยวอร์วิค ชี้ว่าโครงการ "Eat Out to Help Out" ของกระทรวงการคลัง มีส่วนโดยตรงทำให้โควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดรอบใหม่ และการแพร่ระบาดเริ่มลดลงเมื่อสิ้นสุดโครงการ โดยพบว่าเกิดคลัสเตอร์เพิ่ม 6 กรณี ทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 8-17% ระหว่างช่วงปลายเดือนส.ค. ถึงต้นเดือนก.ย.ที่ผ่านมา

ล่าสุด สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในอังกฤษกลับมารุนแรงอีกรอบ มีผู้ติดเชื้อวันละกว่า 20,000 รายในรอบ 24 ชั่วโมง จำนวนผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 1.47 ล้านราย มีผู้เสียชีวิตแล้ว 54,286 ศพ ขณะที่โฆษกกระทรวงการคลังอังกฤษระบุว่า โครงการนี้แทบจะไม่มีผลกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ เนื่องจากจะเห็นได้ว่าหลายประเทศในยุโรปก็กำลังมีสถานการณ์ระบาดรุนแรงแม้จะไม่มีโครงการแบบนี้ก็ตาม 

...

คลังพิจารณาเปิดเฟส 2 

สื่ออังกฤษรายงานว่า หลังจากมีกระแสตอบรับดี นายริชี ซูนัค รัฐมนตรีคลังบอกว่าโครงการ Eat Out to Help Out กำลังจะกลับมาใหม่ แต่ไม่ใช่ช่วงฤดูหนาวปีนี้ โดยทางกระทรวงการคลังอาจมีการพิจารณาว่าจะเป็นปีหน้า ภายหลังจบมาตรการล็อกดาวน์ และอาจจะมีวัคซีนใช้กันแล้ว ทำให้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 บรรเทาเบาบางลงและเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ.

ผู้เขียน : เมาคลีล่าข่าว

ที่มา:  Gov.ukReuters , Metro