ความหวังในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในตุรกียังไม่หมดลง หลังจากหน่วยกู้ภัยสามารถช่วยเหลือปู่วัย 70 ปีซึ่งติดใต้ซากอาคารนาน 34 ชม. ออกมาได้สำเร็จ
สำนักข่าว แชนเนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงในประเทศตุรกี เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 64 ศพ แล้ว ในวันอาทิตย์ที่ 1 พ.ย. 2563 แต่ความหวังในการพบผู้รอดชีวิตยังไม่หมดลง เมื่อล่าสุด เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถช่วยเหลือผู้เฒ่าวัย 70 ปี ที่ติดใต้ซากอาคารนานร่วม 34 ชั่วโมงออกมาได้สำเร็จ
นาย ฟูอาต โอคทาย รองประธานาธิบดีตุรกีเผยว่า จำนวนผู้เสียชีวิตในเมืองอิซเมียร์ เมืองใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ เพิ่มขึ้นเป็น 62 ศพแล้ว หลังจากเจ้าหน้าที่ดึงศพออกจากซากปรักหักพังของอาคารที่พังถล่มลงมาได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีผู้เสียชีวิตอีก 2 รายที่เมือง ซามอส และมีผู้ได้รับบาดเจ็บทั่วประเทศเกือบ 900 คน
...
แผ่นดินไหวซึ่งเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 30 ต.ค. มีความรุนแรงระหว่าง 6.6-7.0 แมกนิจูด เนื่องจากหลายหน่วยงานรายงานไม่ตรงกัน ทำให้เกิดคลื่นสึนามิขนาดย่อมหลายลูกซัดเข้าใส่เขต เซเฟริฮิซาร์ ของเมืองอิซเมียร์ และที่เกาะกรีก แรงสั่นสะเทือนสามารถรับรู้ได้ทั่วภาคตะวันตกของตุรกี ไปไกลจนถึงกรุงเอเธนส์ของกรีซ
ล่าสุดในช่วงเที่ยงคืนวันอาทิตย์ (ตามเวลาท้องถิ่น) เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถนำตัวนายอาห์เม็ต ซิติม อายุ 70 ปี ออกมาจากซากอาคารหลังหนึ่งในเมืองอิซเมียร์ได้สำเร็จ และนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที โดยชายคนนี้ระบุว่า เขาไม่เคยหมดหวังที่จะได้รับความช่วยเหลือเลย
จนถึงตอนนี้ มีเจ้าหน้าที่เข้าร่วมในปฏิบัติการกู้ภัยแล้วมากกว่า 6,400 นาย ช่วยเหลือผู้รอดชีวิตได้มากกว่า 100 ราย โดยส่วนใหญ่อยู่ในอพาร์ตเมนต์ 2 แห่งในเมืองอิซเมียร์ ที่มีสภาพเก่า และมีรายงานเรื่องการผุพังในปี 2555 และ 2561 รวมทั้งเสี่ยงต่อแผ่นดินไหว แต่ก็ยังมีผู้อาศัยอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
เหตุแผ่นดินไหวทำให้เกิดข้อครหาเรื่องความปลอดภัยของตัวอาคารขึ้นมา เนื่องจากตุรกีเต็มไปด้วยตึกเก่า หรือตึกใหม่ที่สร้างในราคาถูก โดยนายโอคทายกล่าวว่า อาคารที่ได้รับความเสียหายหนักอย่างน้อย 26 แห่ง จะถูกทำลายทิ้ง และกล่าวสโลแกนซึ่งกำลังถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกออนไลน์ตอนนี้ด้วยว่า “สิ่งที่ฆ่าคนไม่ใช่แผ่นดินไหว แต่คืออาคาร”