ไฟป่าแคลิฟอร์เนียถูกจัดเป็น "กิกะไฟร์" ที่ไม่เคยมีมาก่อน หลังเผาผลาญพื้นที่ป่าเกิน 1 ล้านเอเคอร์ ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์โลกยุคใหม่
เมื่อวันที่ 7 ต.ค. สำนักข่าว CNN รายงานว่า ไฟป่า "ออกัส คอมเพล็กซ์" (August complex) ทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่เกิดจากการรวมกลุ่มของไฟป่าขนาดเล็ก 37 แห่ง ได้ผลาญพื้นที่ป่าไปแล้วกว่า 1.03 ล้านเอเคอร์ หรือประมาณ 2.6 ล้านไร่ ถูกจัดเป็นไฟป่าระดับ "กิกะไฟร์" (Gigafire) แห่งแรกในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของรัฐแคลิฟอร์เนีย
เดิมไฟป่าออกัส คอมเพล็กซ์ ถูกจัดเป็น "เมกะไฟร์" (Megafire) ซึ่งเป็นชื่อสำหรับเรียกไฟป่าที่สร้างความเสียหายในระดับ 100,000 เอเคอร์ หรือประมาณ 253,000 ไร่ขึ้นไป ในขณะที่ "กิกะไฟร์" ไม่ค่อยมีบ่อยนัก เพราะเป็นไฟป่าที่มีความเสียหายระดับ 1 ล้านเอเคอร์ หรือประมาณ 2.53 ล้านไร่ขึ้นไป
โดยสำนักงานป่าไม้และการป้องกันอัคคีภัยของรัฐแคลิฟอร์เนีย หรือ "แคลไฟร์" เปิดเผยว่า ล่าสุดพื้นที่ไฟป่าออกัส คอมเพล็กซ์ กินอาณาบริเวณใหญ่กว่ารัฐโรดไอร์แลนด์ ซึ่งมีพื้นที่ 988,832 เอเคอร์ สร้างความเสียหายใน 3 เทศมณฑล ได้แก่ เมนโดซิโน เลก และทรินิตี้ หลังจากที่เกิดฟ้าผ่าลงบนพื้นที่ป่าแห้งแล้ง เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ทำให้เปลวไฟไหม้ลาม กินเวลายาวนานกว่า 50 วัน จนถึงตอนนี้ดับไฟได้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น
...
โดยเฉพาะในปีนี้ รัฐแคลิฟอร์เนียเผชิญวิกฤติไฟป่าหนักหน่วงรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ พื้นที่ป่าถูกเผาทำลายรวมแล้ว 4 ล้านเอเคอร์ ประมาณ 10.12 ล้านไร่ เป็นสถิติสูงกว่าปีที่แล้วถึงเท่าตัว และไฟป่ารุนแรงที่สุดเท่าที่เคยบันทึกสถิติได้ 5 ใน 6 แห่งเกิดขึ้นในปีนี้
ที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ 4,075 คน รถดับเพลิง 353 คัน เฮลิคอปเตอร์ 31 ลำ บ้านเรือนประชาชน 100 หลังคาเรือน และสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ 104 หลังถูกไฟเผาทำลาย ประเมินความเสียหายเป็นเงินกว่า 166 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประมาณ 5,187 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังทำให้สภาพอากาศเต็มไปด้วยควันไฟป่า ท้องฟ้าปกคลุมด้วยฝุ่นละอองสีส้ม นักวิทยาศาสตร์เชื่อมโยงว่าปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนทำให้ฤดูแล้งปีนี้ของแคลิฟอร์เนีย มีความร้อนและแล้งมากขึ้น ส่งผลให้เปลวไฟลุกลามรวดเร็วและควบคุมได้ยากกว่าในช่วงปีที่ผ่านมา.