ในที่สุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และภริยา เมลาเนีย ทรัมป์ ก็พากันติดเชื้อโควิด–19 ไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวันศุกร์ เข้ารับการรักษาตัวที่ โรงพยาบาลทหารวอลเตอร์รีด หลังจากที่ทีมงานหาเสียงที่นั่งเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันของผู้นำสหรัฐฯไปดีเบตนัดแรก ตรวจพบการติดเชื้อโควิด-19 หลายคน เช่นโฮป ฮิกส์ ที่ปรึกษาสาวสวยและผู้ช่วยคนสนิทของทรัมป์ และบิล สเตเปียน ผู้จัดการทีมหาเสียงของทรัมป์

ประธานาธิบดีทรัมป์ เป็นตัวอย่าง ผู้นำที่แย่ที่สุด ที่ลุกขึ้นมาต่อต้านการสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ทำให้ชาวอเมริกันติดเชื้อโควิด-19 มากที่สุดในโลกและตายมากที่สุดในโลก แล้วกรรมก็สนองเข้าตัวทรัมป์เอง

แม้ ประธานาธิบดีทรัมป์ จะส่งทวีตวันเข้าโรงพยาบาลว่า ตัวเขายังสบายดี แต่หลายสำนักข่าวก็วิเคราะห์กันว่า ประธานาธิบดีทรัมป์มีความเสี่ยงชัดเจนทั้งอายุ นํ้าหนัก และเป็นผู้ชาย โดยอ้างข้อมูลของ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐฯ (CDC) ว่า ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอายุ 65-74 ปี มีความเสี่ยงที่จะป่วยรุนแรงและต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลสูงถึง 5 เท่า และ มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากโควิด-19 ถึง 90 เท่า เมื่อเทียบกับคนหนุ่มสาววัย 18-29 ปี

ข้อมูลสุขภาพล่าสุดของ ประธานาธิบดีทรัมป์ ระบุว่า สูง 190 เซนติเมตร นํ้าหนักตัว 110.7 กิโลกรัม ดัชนีมวลกาย (BMI) 30.5 ซึ่งทางการแพทย์ถือว่าเข้าข่ายเป็น โรคอ้วน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ จะถูกกักตัวในโรงพยาบาลวอลเตอร์รีดอย่างน้อย 10 วัน ในขณะที่ ทรัมป์ มีกำหนดการสำคัญคือต้องไปดีเบตกับ โจ ไบเดน เป็นครั้งที่ 2 ในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ ที่รัฐฟลอริดา ส่วนกำหนดการหาเสียงอื่นได้ถูกยกเลิกไปหมดแล้ว และคำถามที่ตามมาก็คือ ถ้าหากประธานาธิบดีทรัมป์ป่วยหนักจนไม่สามารถไปหาเสียงได้ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯจะต้องยกเลิก หรือเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปหรือไม่ เพราะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ กฎหมายกำหนดว่า จะต้องเลือกตั้งในวันอังคาร หลังจากวันจันทร์แรกของเดือนพฤศจิกายน ทุก 4 ปี ซึ่งปีนี้ตรงกับวันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน

...

การเปลี่ยนแปลงวันเลือกตั้งประธานาธิบดี เป็นอำนาจของ สภานิติบัญญัติ ซึ่งจะต้องใช้เสียงข้างมากของสองสภา เงื่อนไขนี้ยากที่จะผ่าน สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมี พรรคเดโมแครต ครองเสียงข้างมากอยู่ แม้จะสามารถเปลี่ยนวันเลือกตั้งประธานาธิบดีได้ ก็ไม่ใช่ว่าจะราบรื่น เพราะกฎหมายรัฐธรรมนูญสหรัฐฯระบุว่า ประธานาธิบดีอยู่ในตำแหน่ง 4 ปี และ ประธานาธิบดีทรัมป์ จะครบเทอม 4 ปี เที่ยงวันที่ 20 มกราคม 2021 การเปลี่ยนวันเลือกตั้งประธานาธิบดี ยังต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งต้องใช้เสียงข้างมาก 2 ใน 3 ของรัฐสภา ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมาก

ถ้าหาก ประธานาธิบดีทรัมป์ ป่วยหนักจนทำงานไม่ได้ รัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ระบุว่า ให้ประธานาธิบดีมอบอำนาจให้รองประธานาธิบดี ทำหน้าที่ประธานาธิบดีแทน ซึ่งก็คือ นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน แต่ถ้าประธานาธิบดีป่วยหนักจนไม่สามารถส่งมอบอำนาจได้ คณะรัฐมนตรีและรองประธานาธิบดีสามารถประกาศให้ทรัมป์เป็นบุคคลไร้ความสามารถ และ นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีก็ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน

แต่ถ้า รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ไม่สามารถรับตำแหน่งได้อีก คนต่อไปที่จะขึ้นมารับทำหน้าที่ประธานาธิบดีก็คือ นางแนนซี เปโรซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร พรรคเดโมแครต กรณีนี้ถ้าเธอไม่อยากเป็นหรือไม่สามารถทำหน้าที่นี้ได้ คนต่อไปที่จะขึ้นมาทำหน้าที่ประธานาธิบดีก็คือ นายชาร์ล อี กาสเลย์ วุฒิสมาชิกที่มีอาวุโสสูงสุดวัย 87 ปี จากพรรครีพับลิกัน แต่ทั้งสองกรณีนี้จะต้องมีการต่อสู้ตีความทางกฎหมายอย่างถึงพริกถึงขิงแน่นอน

อ่านแล้วปวดหัวไหมครับ การเมืองอเมริกันยุคนํ้าเน่า ก็วุ่นวายไม่แพ้การเมืองไทย ก็ต้องรอดูกันต่อไปอีก 10 วัน ประธานาธิบดีทรัมป์ จะหายป่วยจากโควิด-19 ทันหรือไม่.

“ลม เปลี่ยนทิศ”