วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบ 71 ปี การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน มหาอำนาจอันดับ 2 ของโลก คู่แข่งสำคัญของสหรัฐฯในการแย่งชิงการเป็นมหาอำนาจ อันดับ 1 วันเสาร์สบายๆวันนี้เราไปฟังเรื่องราวของจีนจากผู้รู้กันนะครับ
หยาง ซิน อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ได้กล่าวในวันชาติจีนว่า 71 ปีที่ผ่านมากำลังเศรษฐกิจจีนได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก จีดีพีเพิ่มขึ้นจาก 6 หมื่นกว่าล้านหยวน ในช่วงเริ่มต้นการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็น 100 ล้านล้านหยวนในปี 2019 จีนกลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลก เป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุด ประเทศผู้ค้าสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใหญ่ที่สุด ประเทศที่มีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมากที่สุด มีเงินทุนต่างประเทศไหลเข้ามากที่สุด สามารถยกคุณภาพชีวิตประชาชนจีนหลุดพ้นจากความยากจนได้มากที่สุดถึง 750 ล้านคน การศึกษาภาคบังคับ 9 ปีก็สูงถึง 94.2% มีการประกันสุขภาพประชาชนจีนกว่า 1,300 ล้านคน ประกันพื้นฐานสำหรับผู้สูงอายุครอบคลุมประชาชนกว่า 960 ล้านคน และรัฐบาลรับผิดชอบค่ารักษาผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งหมด
วันเสาร์สบายๆนี้ผมจะเล่าให้ฟังว่า รัฐบาลจีนขจัดความยากจนของคนจีนกว่า 750 ล้านคนจนเหลือคนจนไม่ถึง 10 ล้านคนในวันนี้ได้อย่างไร ขณะที่ประเทศไทยใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจมาจนถึงฉบับที่ 12 แล้ว แต่คนยากจนในประเทศไทยกลับเพิ่มขึ้น ชนชั้นกลางจนลง มีแต่นักการเมืองอาชีพและคนรวย 1% ที่รวยขึ้นแบบเห็นหน้าไม่เห็นหลัง รัฐบาลไทยบริหารประเทศผิดพลาดและมีการทุจริตเชิงนโยบายมากเกินไปหรือไม่
ข้อมูลจีนนี้ผมนำมาจากการบรรยายของ ศ.พิเศษ วิบูลย์ ตั้งกิตติภาภรณ์ ซึ่งไปบรรยายใน หลักสูตรผู้นำไทย–จีน รุ่น 3 ของ สถาบันวิทยาการผู้นำไทย–จีน มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ เป็นข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจมาก ศ.พิเศษ วิบูลย์ สรุปข้อมูลมาจากการประชุมร่วมของ สภาประชาชนแห่งชาติจีน ซึ่งเต็มไปด้วยเนื้อหาสาระการพัฒนาประเทศมากมาย ไม่มีการอภิปรายแบบน้ำเน่าเหมือนสภาไทย
...
ปี 2020 เป็นปีที่รัฐบาลจีนวางกรอบเวลาไว้ว่า ประเทศจีน ต้อง เป็น “สังคมที่ประชาชนพออยู่พอกินอย่างทั่วถึง” โดยมีแผนปฏิบัติการ 4 ข้อ คือ 1.โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะยาว 2 ใหม่ 1 ใหญ่ คือ โครงสร้างพื้นฐานใหม่ การพัฒนาชนบทให้เป็นเมืองรูปแบบใหม่ และโครงการคมนาคมและชลประทานขนาดใหญ่ 2.โครงการเพิ่มรายได้ประชาชนระยะสั้น ด้วยเศรษฐกิจแบกะดินหรือเศรษฐกิจแผงลอย 3.มาตรการลดภาระและผ่อนคลายแรงกดดันของประชาชน เช่น ช่วยอุดหนุนการรักษาพยาบาล ขยายขอบเขตประกันการตกงานและการคุ้มครองชีวิตขั้นต่ำสุด ลดภาษีมูลค่าเพิ่มธุรกิจรายย่อย ลดค่าไฟ ลดค่าอินเตอร์เน็ต ฯลฯ 4.เป้าหมาย 6 ความมั่นคง 6 หลักประกัน เช่น ความมั่นคงด้านการจ้างงาน ความมั่นคงด้านการเงิน ประกันชีวิตความเป็นอยู่ขั้นพื้นฐานของประชาชน ประกันการดำเนินธุรกิจของสังคมระดับชุมชนให้ราบรื่น ฯลฯ
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ผู้นำจีนกล่าวในสภาประชาชนจีนว่า ประชาชนจีนเป็นรากฐานของพรรคคอมมิวนิสต์จีน พรรคจะต้องยืนหยัดแนวคิดการพัฒนาที่ยึดถือ ประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ว่าจะเผชิญกับความท้าทายใหญ่หลวงเพียงไร ไม่ว่าจะต้องเสียสละมากแค่ไหน ต้องสูญเสียต้นทุนไปเท่าไหร่ ต้องแบกรับความกดดันหนักเท่าใด พรรคต้องรักษาแนวคิดสำคัญนี้ให้ดีและไม่สั่นคลอนโดยเด็ดขาด ต้องคุ้มครองความปลอดภัยของชีวิตและสุขภาพของประชาชน สังคมที่ประชาชนพออยู่พอกินอย่างทั่วถึงในปี 2020 จะต้องยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนจีนให้พ้นขีดความยากจนทั่วประเทศในปีนี้
เห็นความมุ่งมั่นของ ผู้นำจีน แล้วก็อยากให้ ผู้นำไทย มีความ มุ่งมั่นอย่างนี้บ้าง กล้าที่จะทำงานเพื่อประชาชน ไม่ใช่ลอยตัวเป็นนายกฯไปเรื่อยๆแต่คนไทยยากจนลงทุกวัน.
“ลม เปลี่ยนทิศ”