การปะทะกันระหว่างอาเซอร์ไบจานกับอาร์เมเนียล่วงเลยเข้าสู่วันที่ 4 แล้ว โดยผู้นำอาเซอร์ไบจานประกาศจะสู้จนกว่ากองทัพอาร์เมเนียจะถอนกำลังจากพื้นที่พิพาท
สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า ประธานาธิบดี อิลฮัม อาลีเยฟ แห่งอาเซอร์ไบจาน ประกาศในวันพุธที่ 30 ก.ย. 2563 ว่าพวกเขาจะสู้ต่อไป โดยมีเพียงเงื่อนไขเดียวที่จะหยุดคือ กองทัพอาร์เมเนียต้องถอนกำลังทั้งหมดออกจากพื้นที่พิพาท ภูมิภาคนากอร์โน-คาราบัค ในทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข
คำประกาศของนายอาลีเยฟเกิดขึ้นในขณะที่การปะทะกันระหว่างฝ่ายอาเซอร์ไบจานและอาร์เมเนียในพื้นที่พิพาทดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100 ราย นับตั้งแต่ปะทะขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
...
สถานการณ์ล่าสุดในวันพุธ อาเซอร์ไบจานเผยแพร่ภาพถ่ายวิดีโอแสดงให้เห็นสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า การทำลายรถถังของศัตรู 2 คัน และว่ากองทัพของอาร์เมเนียหนีไปยังพื้นที่แถบหมู่บ้านโตนาเชน ขณะที่ฝ่ายอาร์เมเนียรายงานว่า พลเรือนของพวกเขา 3 คน เสียชีวิตในการโจมตีทางอากาศฝีมืออาเซอร์ไบจาน ที่เมือง มาร์ตาแคร์ต
อาร์เมเนียเผยด้วยว่า นับตั้งแต่ความรุนแรงปะทุขึ้น พวกเขามีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตและ 80 นาย ชาวบ้านเสียชีวิตอีก 7 ศพ ส่วนอัยการอาเซอร์ไบจานเผยในวันพุธว่า พลเมืองของพวกเขาเสียชีวิต 14 ศพและบาดเจ็บอีก 46 คน
การปะทะกันระหว่างอาเซอร์ไบจานกับอาร์เมเนียยังทำให้เกิดความกังวลว่า กองกำลังต่างชาติจะถูกดึงเข้ามาพัวพันกับความขัดแย้งนี้ด้วย หลังจากตุรกีออกมาประกาศว่า พวกเขาพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะช่วยอาเซอร์ไบจาน ยึดคืนพื้นที่พิพาทแห่งนี้ ทำให้ประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ต้องออกมาเตือนที่เหมือนกับพยายามก่อสงครามของตุรกี
อนึ่ง เมื่อวันอังคารอาร์เมเนียเพิ่งออกมากล่าวหาว่า เครื่องบินรบ เอฟ-16 ของตุรกี ยิงเครื่องบินรบของพวกเขาตก แต่ฝ่ายตุรกีปฏิเสธ ขณะที่นักรบติดอาวุธคนหนึ่งบอกกับสำนักข่าว บีบีซี ภาษาอาราบิก ว่า เขาถูกเกณฑ์มาจากซีเรีย และถูกส่งตัวผ่านตุรกีให้มาร่วมต่อสู้ในภูมิภาคนากอร์โน-คาราบัค แต่นาย อิลนูร์ เชวิค ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีตุรกี ปฏิเสธข่าวนี้ และว่าเป็นรายงานที่ไม่มีมูลความจริง