สหราชอาณาจักรเตรียมยกระดับการเตือนภัยโควิดสู่ระดับ 4 ซึ่งชี้ว่าการติดเชื้อกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะนายกรัฐมนตรีเตรียมประชุมฉุกเฉินร่วมกับผู้นำภูมิภาคอื่นๆ ของประเทศ

สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 21 ก.ย. 2563 ศูนย์ความปลอดภัยทางชีวภาพร่วม (JBC) ของสหราชอาณาจักร ออกแถลงการณ์สนับสนุนให้รัฐบาลยกระดับการเตือนภัยไวรัสโควิด-19 จากระดับ 3 ขึ้นสู่ระดับ 4 ซึ่งหมายความว่า การติดเชื้ออยู่ระดับสูงหรือกำลังเพิ่มอย่างรวดเร็วขึ้น ในขณะที่นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน เตรียมจัดการประชุมฉุกเฉินในเช้าวันอังคารนี้

หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ของอังกฤษ, สกอตแลนด์, เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ ระบุในแถลงการณ์ของ JBC ว่า ตอนนี้จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศกำลังเพิ่มสูงขึ้น และอาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในหลายพื้นที่ของทั้ง 4 ภูมิภาค พวกเขายังเรียกร้องให้ประชาชนทำตามคำแนะนำของรัฐบาล เพื่อไม่ให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นมากจนเกินไป และลดความกดดันต่อสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติ (NHS) ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว

แมตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
แมตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

...

ด้าน นายแมตต์ แฮนค็อกค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในระดับภัยคุกคามจากไวรัสโคโรนาในปัจจุบัน “ประเทศนี้กำลังอยู่ในจุดหัวเลี้ยวหัวต่อในการตอบสนองต่อไวรัส และเป็นเรื่องสำคัญที่ตอนนี้ทุกคนต้องทำหน้าที่ของตัวเอง เพื่อหยุดการแพร่กระจายของไวรัส และเพื่อปกป้องชีวิต”

ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรเพิ่งรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในวันจันทร์ อีก 4,368 ราย เพิ่มจาก 3,899 รายในวันเสาร์ ขณะที่นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน เตรียมเป็นประธานการประชุมฉุกเฉิน ‘คอบร้า’ (Cobra) ในช่วงเช้าวันอังคารที่ 22 ก.ย. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งจะมีผู้นำสกอตแลนด์, เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือเข้าร่วมด้วย

บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร
บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร

ความเคลื่อนไหวล่าสุดที่เกิดขึ้น ทำให้บรรณาธิการข่าวการเมืองของบีบีซี คาดว่า ผับและสถานที่พบปะอื่นๆ ในอังกฤษ จะถูกบังคับให้ปิดในเวลา 22.00 น. และจะมีมาตรการอื่นๆ อีก ท่ามกลางข้อมูลมากมายที่ชี้ว่า อัตราการติดเชื้อกรุงลอนดอน กำลังตามทันเขตระบาดในภาคเหนือของอังกฤษ ซึ่งนายกเทศมนตรี ซาดิก ข่าน ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลมีมาตรการป้องกันแต่เนิ่นๆ แต่กว่าไปใช้มาตรการที่เข้มงวดกว่าในภายหลัง