เกิดเหตุอาคารที่อยู่อาศัยสูง 3 ชั้นพังถล่ม คร่า 10 ชีวิตในรัฐมหาราษฏระ ประเทศอินเดีย กู้ภัยเร่งช่วยคนที่ติดใต้ซากอีกนับสิบราย
อาคารพักอาศัยสูง 3 ชั้น ในเมืองพิวันดี รัฐมหาราษฏระ ประเทศอินเดีย พังถล่มลงมาเมื่อเวลา 04.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (21 ก.ย.63) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 10 ศพ และบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 11 ราย ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยกว่า 40 ชีวิต พร้อมสุนัขดมกลิ่นและอุปกรณ์พิเศษ เร่งค้นหาผู้รอดชีวิตที่ยังคงติดใต้ซากปรักหักพัง อีกไม่น้อยกว่า 20 ราย โดยเบื้องต้นสามารถช่วยผู้ที่ยังรอดชีวิตออกมาได้ 19 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กชายวัย 4 ขวบ และ 7 ขวบ ท่ามกลางเสียงโห่ร้องดีใจของประชาชนที่มาติดตามดูเหตุการณ์
แม้จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าอะไรเป็นสาเหตุให้อาคารพักอาศัยที่มีห้องพัก 54 ห้อง พังถล่มลงมา แต่เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเกิดจากอาคารที่พักอาศัยดังกล่าวมีอายุยาวนานถึงกว่า 30 ปี ทำให้โครงสร้างอาคารไม่แข็งแรง และพร้อมจะพังลงมาได้ทุกเมื่อ ซึ่งตอนแรกจะมีการซ่อมแซมช่วงต้นปี แต่ต้องเลื่อนออกไปเพราะการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการระบาดของโควิด-19
...
ด้านผู้พักอาศัยที่หนีออกมาจากอาคารได้ทันเวลา เล่าว่า เขาได้ยินเสียงพื้นอาคารแยกตัว จึงตกใจตื่น และรีบเรียกเพื่อนบ้านและภรรยาของเขาให้หนีออกมาจากอาคารก่อนที่จะพังถล่มลงมา ซึ่งเขาคาดว่าน่าจะยังมีคนติดอยู่ภายในหลายสิบคน
เหตุอาคารพังถล่มเกิดขึ้นบ่อยครั้งในอินเดีย โดยเฉพาะในช่วงฤดูมรสุม ระหว่างเดือนมิถุนายน-กันยายน ซึ่งฝนมักจะกัดเซาะดินซึ่งเป็นฐานรากของตึกให้ยุบตัว จนทำให้ตึกถล่มตามมา รวมทั้งยังเกิดจากการก่อสร้างต่อเติมที่ผิดกฎหมายจนทำให้อาคารไม่ได้มาตรฐาน โดยเมื่อเดือนที่แล้วเกิดเหตุดินถล่มในย่านอุตสาหกรรมในเมืองมาหัด ห่างจากมุมไบไปทางตอนใต้ 165 กิโลเมตร ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน.
ที่มา : แชนแนลนิวส์เอเชีย