• บีพี บริษัทน้ำมันแห่งใหญ่ของโลกคาดการณ์น้ำมันโลกไม่มีวันกลับมามีมูลค่าเท่าเดิม ทางบริษัทหันไปลงทุนในพลังงานทดแทน เช่นเดียวกับ เชลล์ ที่ลดค่าใช้จ่ายการผลิตน้ำมันลงเกือบครึ่ง
  • มาตรการรัฐบาลแต่ละประเทศสนับสนุนพลังงานสะอาดเต็มที่ น้ำมันหมดสิทธิโต ยุโรปเตรียมแบนรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน
  • รถยนต์ไฟฟ้ามาแทนที่ ผู้ขับขี่เมินรถยนต์ขับเคลื่อนน้ำมัน รัฐบาลจีนผลักดันการขายรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด

วงการน้ำมันโลกต้องเผชิญกับข่าวร้ายหลายครั้งหลายคราในปีนี้หลังราคาน้ำมันตกลงต่อเนื่อง นอกจากนี้โรคโควิด-19 ยังทำให้การคมนาคมทั่วโลกต้องหยุดชะงัก เครื่องบินต้องจอดอยู่บนรันเวย์มีเที่ยวบินไม่กี่เที่ยวเท่านั้น นอกจากนี้ ความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้ายังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังมีรัฐบาลหลายประเทศที่ออกมาตรการสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนหนุนเทรนด์รักษ์โลก หลายฝ่ายมองว่าความต้องการน้ำมันที่ลดลงหลังจากนี้เปรียบเสมือนการต่อสู้เฮือกสุดท้ายของอุตสาหกรรมน้ำมัน ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความเป็นอยู่และสภาพเศรษฐกิจของทำให้ประเทศที่ต้องพึ่งพารายได้จากน้ำมัน ที่ต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจรุมเร้า 

...

 'เชลล์' ลดค่าใช้จ่ายผลิตน้ำมัน 'บีพี' คาดน้ำมันมีแต่ดิ่งลงเหว 

'เชลล์' บริษัทพลังงานข้ามชาติยักษ์ใหญ่ เตรียมปรับโครงสร้างลดรายจ่ายส่วนของการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งถือเป็นสัดส่วนใหญ่ที่สุดของบริษัท ลงร้อยละ 40 เพื่อความอยู่รอดในช่วงวิกฤติโควิด-19 และเป็นการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ความสำคัญกับพลังงานทดแทน ที่คาดการณ์ว่าหลังจากนี้จะเกิดการแข่งขันครั้งใหญ่ในการผลิตพลังงานสะอาดในขณะที่เทรนด์ทั่วโลกพุ่งเป้าไปที่พลังงานสีเขียว 

ขณะที่ 'บีพี' บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของโลกได้ออกมาระบุว่าอุตสาหกรรมโลกได้ผ่านจุดสูงสุดหรือจุด 'พีค' มาแล้ว และอาจไม่สามารถฟื้นตัวหลังจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ และจะต้องเผชิญกับความต้องการหรือ ดีมานด์ ที่ลดลง ซึ่งรายงานประจำปีของบริษัท บีพี ระบุว่า น้ำมันจะถูกแทนที่ด้วยพลังงานสะอาดอย่างพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานไฮโดรเจน ซึ่งพลังงานทดแทนดังกล่าวได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงปีที่ผ่านมา

ด้านนายสเปนเซอร์ เดล หัวหน้าด้านเศรษฐศาสตร์ของบริษัท บีพี ระบุว่าในอนาคตพลังบนโลกนี้จะเปลี่ยนเป็นพลังงานสีเขียว เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการเคลื่อนไหวเพื่อยับยั้งสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงทำให้น้ำมันถึงจุดสูงสุด สอดคล้องจากคำเตือนของนักเศรษฐศาสตร์ที่เห็นตรงกันว่าโรคโควิด-19 ทำให้อุตสาหกรรมอาจต้องเดินทางถึงจุดจบเร็วขึ้น

ก่อนหน้านี้ ทางบริษัทได้ประกาศยุติการหาแหล่งน้ำมัน และทุ่มเงินมหาศาลให้การพัฒนาพลังงานสะอาด เช่นเดียวกับบริษัทคู่แข่งอย่าง เชลล์ ขณะที่พันธมิตรของ บีพี ในสหรัฐฯได้ถูกกดดันจากนักลงทุนและรัฐบาลให้ลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอนาคตเพื่อแก้ปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง

หลายประเทศผลักดันพลังงานสีเขียว

ด้านรัฐบาลอังกฤษ ได้ประกาศเตรียมหนุนด้านการเงินใน ธนาคารสีเขียว เพื่อสนับสนุนการเคลื่อนไหวเพื่อหยุดโลกร้อนหลังจากมีเสียงเรียกร้องเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้สหราชอาณาจักรยังพยายามก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจไร้คาร์บอนไดออกไซด์ ภายในระยะเวลา 30 ปี หลังจากนี้

ส่วนรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ มีนโยบายในการใช้ยานพาหนะที่ใช้พลังงานทดแทน พร้อมกับตั้งเป้าให้รถยนต์ทุกคันมีค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ภายในปี 2035 โดยกระตุ้นประชาชนหันไปใช้ยานพาหนะที่ใช้เชื้อเพลิงชีวภาพสกัดจากพืช รถยนต์ไฟฟ้า และพลังงานทดแทนต่างๆ แทนที่น้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มปริมาณก๊าซเรือนกระจก 

การหันไปใช้พลังงานทดแทนไม่ได้มีประโยชน์แค่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมเท่านั้นแต่ยังช่วยให้ เนเธอร์แลนด์ ไม่ต้องพึ่งพาประเทศที่ผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ อีกทั้งยังลดผลกระทบหากราคาของเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ (Fossil Fuel) พุ่งสูง

...

รถยนต์ไฟฟ้าตัวแปรหลัก คนเมินน้ำมัน

"การเติบโตของการคมนาคม ถูกกลืนกินโดยพลังงานไฟฟ้า"นี่เป็นคำพูดของ แฮร์รี เบนแฮม ประธานบริษัท เอ็มเบอร์-ไคลเมท องค์กรอิสระด้านสภาพแวดล้อม โดยนาย เบนแฮม เชื่อว่าบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ไม่มีทางที่จะเอาชนะพลังงานไฟฟ้าในสนามการแข่งขันได้เลย บทสัมภาษณ์ของนาย เบนแฮม สอดคล้องกับผู้เชี่ยวชาญที่มองว่าหลังจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ผ่านพ้นไป ราคาน้ำมันอาจขยับขึ้นทำให้ประชาชนหันไปหาตัวเลือกใหม่อย่างรถยนต์ไฟฟ้า 

ถึงแม้ว่าค่ายผลิตรถยนต์จะแข่งกันออกรถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่น แต่ปัญหาใหญ่คือสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ที่ไม่ได้มีแพร่หลายอย่างปั๊มน้ำมัน ทำให้เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าหลายรายต้องคอยสอดส่องดูสัญลักษณ์เพื่อชาร์จไฟ ซึ่งเป็นปัจจัยที่มำให้ผู้ที่จะตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามีความลังเลว่าจะทุ่มเงินไปกับรถยนต์ไฟฟ้าหรือไม่

แต่ปัญหายิบย่อยของรถยนต์ไฟฟ้าอาจไม่ทำให้เสียเปรียบรถยนต์น้ำมันมากนัก เมื่อรัฐบาลของแต่ละประเทศเตรียมมาตรการหนุนรถยนต์ไฟฟ้าเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลฝรั่งเศสที่เตรียมผลักดันยอดขายรถยนต์ที่มีค่ามลพิษต่ำ ส่วนประเทศจีน ประเทศที่มีขนาดอุสาหกรรมยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ออกมาตรการสนับสนุนการขายรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฮโดรเยนและเตรียมช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่พรรคเดโมเครต พรรคการเมืองเสรีนิยมของสหรัฐฯ เตรียมหาทางเพื่มดีมานด์รถยนต์พลังงานสะอาดในประเทศ

...

แต่ปัจจัยที่ทำให้จุดจบของรถยนต์น้ำมันมาถึงเร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้คงหนีไม่พ้นการที่ประเทศในยุโรปเตรียมแบนการขายรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน บวกกับเทรนด์การพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้อนาคตอุตสาหกรรมน้ำมันที่เคยมีมูลค่ามหาศาลไม่สดใสเหมือนที่เคย.

ผู้เขียน: ปานฝัน

ที่มา: Reuters , Theguardian , Politico