สหรัฐฯ สั่งถอนวีซ่านักศึกษาและนักวิจัยจีน 1,000 คน อ้างเป็นภัยความมั่นคง จีนโวยใช้อคติ กีดกันเชื้อชาติ พร้อมขู่จะตอบโต้

สำนักข่าว เอ็นบีซีนิวส์ รายงานว่า ในวันพฤหัสบดีที่ 10 ก.ย. 2563 รัฐบาลปักกิ่งออกมาแสดงความไม่พอใจสหรัฐฯ ที่ตัดสินใจเพิกถอนวีซ่าของนักศึกษา และนักวิจัยชาวจีนมากกว่า 1,000 คน ซึ่งอเมริกันมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ หรือมีความเกี่ยวข้องกับกองทัพจีนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

จ้าว หลี่เจียน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน
จ้าว หลี่เจียน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน

นายจ้าว หลี่เจียน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวมีอคติเป็นแรงผลักดัน เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองโดยสมบูรณ์และกีดกันเชื้อชาติ ซึ่งละเมิดสิทธิมนุษยชนของนักศึกษาจีน เขายังเตือนด้วยว่า จีนจะปกป้องสิทธิที่ว่า และจะมีมาตรการเพิ่มเติม แต่ไม่เปิดเผยรายละเอียด

...

ทั้งนี้ เมื่อวันพุธ นายแชด วูล์ฟ รักษาการรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิสหรัฐฯ ประกาศคำสั่งเพิกถอนวีซ่าดังกล่าว โดยกล่าวหาจีนว่า ใช้วีซ่านักศึกษาในทางที่ผิด เพื่อหาประโยชน์จากสถาบันของอเมริกัน และกล่าวหาด้วยว่า จีนพยายามขโมยการวิจัยเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาสายพันธ์ุใหม่

ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์ ระบุว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดของสหรัฐฯ เกิดขึ้นภายใต้คำประกาศเมื่อวันที่ 29 พ.ค. ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตอบโต้จีนที่ลิดรอนอำนาจปกครองตนเองของฮ่องกง

แชด วูล์ฟ รักษาการรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิสหรัฐฯ
แชด วูล์ฟ รักษาการรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิสหรัฐฯ

คำประกาศนี้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ค. มีเป้าหมายที่บุคคลจำนวน 3,000-5,000 คน ที่สังกัดมหาวิทยาลัยหรือนิติบุคคลในจีน และหาทางให้ได้มาซึ่งเทคโนโลยีต่างชาติเพื่อประโยชน์ของกองทัพจีน โดยในเดือนเดียวกันนี้ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ฟ้องร้องชาวจีน 2 คน ข้อหาแฮกข้อมูลของบริษัทเอกชน, รัฐบาล, ผู้เห็นต่าง และผู้ที่มีส่วนร่วมในการวิจัยวัคซีนไวรัสโควิด-19 ให้หน่วยข่าวกรองของจีน แต่ทางการจีนปฏิเสธข้อกล่าวหา

อนึ่ง นักศึกษาจีนคิดเป็นอัตราส่วนที่มากที่สุดในกลุ่มนักศึกษาต่างชาติที่มาเรียนในสหรัฐฯ โดยมาเข้าเรียนถึง 360,000 คนในแต่ละปี สร้างรายได้แก่สถาบันต่างๆ ประมาณ 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 4.38 แสนล้านบาท)