เที่ยวบินพาณิชย์จากอิสราเอลเดินทางถึง UAE เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เมื่อวันจันทร์ นับเป็นก้าวสำคัญสู่การทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายเป็นปกติ หลังทั้งคู่บรรลุข้อตกลงสันติภาพ
สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 31 ส.ค. 2563 เที่ยวบินพาณิชย์ของสายการบิน ‘เอล อัล แอร์ไลเนอร์’ เดินจากอิสราเอลถึงสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เป็นครั้งแรกแล้ว โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง และได้รับอนุญาตให้บินผ่านน่านฟ้าของ ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งตามปกติจะปิดกั้นการจราจรทางอากาศของอิสราเอลด้วย
ความเคลื่อนไหวล่าสุดเกิดขึ้นหลังจาก อิสราเอล กับ ยูเออี ประกาศบรรลุข้อตกลงฟื้นฟูความสัมพันธ์สู่ระดับปกติ ซึ่งมีสหรัฐฯ เป็นผู้สนับสนุน เมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ ยูเออีกลายเป็นประเทศอาหรับในตะวันออกกลางชาติที่ 3 ต่อจาก อียิปต์ และ จอร์แดน ที่ให้การยอมรับอิสราเอลนับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศในปี 2491
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ยูเออีประกาศยกเลิกกฎหมายบอยคอตอิสราเอล ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 2515 และเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ทั้ง 2 ประเทศเปิดบริการโทรศัพท์ทางตรงถึงกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
...
ทั้งนี้ เที่ยวบินดังกล่าวใช้หมายเลข LY971 สื่อถึงรหัสโทรศัพท์ระหว่างประเทศของยูเออี เดินทางมาพร้อมกับผู้แทนหลายคน รวมถึง นายจาเรด คุชเนอร์ ลูกเขย และที่ปรึกษาระดับสูงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และนายเมียร์ เบน-ชับบัต ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของอิสราเอล
นายคุชเนอร์ เป็นผู้นำการเจรจาลับหลายครั้ง ซึ่งนำไปสู่การบรรลุข้อตกลงระหว่างอิสราเอลและยูเออีในครั้งนี้ โดยเขาบอกกับผู้สื่อข่าวหลังเดินทางถึงกรุงอาบูดาบีว่า ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการฝ่าทางตันครั้งประวัติศาสตร์ และเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเดินทางมากับเที่ยวบินนี้
“สิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่คือ ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ 3 คนมารวมตัวกัน แล้วพวกเขาก็เริ่มเขียนบทใหม่ของตะวันออกกลาง พวกเขาบอกว่า อนาคต ไม่จำเป็นต้องถูกตัดสินด้วย อดีต” นายคุชเนอร์ กล่าว โดยพวกเขาจะเข้าพบผู้แทนจากยูเออีเพื่อพัฒนาความร่วมมือในหลายๆ ด้าน ก่อนจะเดินทางกลับด้วยเที่ยวบิน LY792 ซึ่งเป็นรหัสโทรศัพท์ระหว่างประเทศของอิสราเอล
อนึ่ง ประชาคมนานาชาติส่วนใหญ่ให้การยอมรับข้อตกลงระหว่างอิสราเอลกับยูเออี แต่ปาเลสไตน์ ซึ่งเป็นศัตรูกับอิสราเอลออกมาประณามยูเออีว่า ทรยศพวกเขา แม้ว่าอิสราเอลยอมระงับแผนควบรวมพื้นที่บางส่วนของเขตเวสต์ แบงก์ ดินแดนที่ชาวอิสราเอลอ้างว่าจะเป็นที่ตั้งประเทศของพวกเขาในอนาคต ตามเงื่อนไขในข้อตกลงก็ตาม
นายซาเอบ เอเรคัต บุคคลสำคัญขององค์กรปลดปล่อยปาเลสไตน์ ระบุว่า ข้อตกลงนี้บ่อนทำลายการดิ้นรนเพื่อเป็นรัฐอิสระของพวกเขา “สันติภาพไม่ใช่ถ้อยคำว่างเปล่าที่ใช้เพื่อหักล้างอาชญากรรมและการกดขี่ สันติภาพคือผลลัพธ์จากความยุติธรรม สันติภาพไม่ได้สร้างด้วยการปฏิเสธสิทธิ์ในการดำรงอยู่ของชาวปาเลสไตน์”
...