เหตุไฟป่าหลายจุดในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากฟ้าผ่า เผาผลาญพื้นที่มากกว่า 1.1 ล้านเอเคอร์แล้วในวันอาทิตย์ ขณะที่นักดับเพลิงกำลังพยายามควบคุมสถานการณ์
สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานในวันอาทิตย์ที่ 23 ส.ค. 2563 ว่า เหตุไฟป่าหลายร้อยจุดในรัฐแคลิฟอร์เนีย ทางตะวันตกของสหรัฐฯ มีสาเหตุมาจากฟ้าผ่า โดยนายสตีฟ คอฟแมนน์ โฆษกสำนักงานดับเพลิงแคลิฟอร์เนีย (แคลไฟร์) ระบุว่า ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีฟ้าผ่าเกิดขึ้นถึง 12,000 ครั้ง ทำให้เกิดไฟป่า 585 จุดทั่วรัฐ
ขณะที่นักดับเพลิงกว่า 13,000 นาย กำลังพยายามควบคุมไฟป่าในจุดต่างๆ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 ศพแล้ว รวมทั้ง 2 แห่งที่ใหญ่ที่สุด เหตุไฟป่าซ้ำซ้อนจากฟ้าผ่า ‘LNU’ ในย่านอ่าวซานฟรานซิสโก หรือ เบย์ แอเรีย (Bay Area) และหุบเขา เซ็นทรัล วัลเลย์ (Central Valley) ซึ่งเผาผลาญพื้นที่ไปแล้ว 325,128 เอเคอร์ และเหตุไฟป่าซ้ำซ้อนจากฟ้าผ่า ‘SCU’ ทางตะวันออกของเมืองซาน โฮเซ ซึ่งเผาผลาญพื้นที่ไปกว่า 339,926 เอเคอร์
...
ด้านนายเกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ประกาศในวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศภาวะภัยพิบัติขนาดใหญ่ในรัฐแคลิฟอร์เนียแล้ว เนื่องจากไฟป่ารุนแรงในภาคเหนือของรัฐ ซึ่งหมายความว่า รัฐบาลกลางจะส่งความช่วยเหลือเข้ามาสนับสนุนปฏิบัติการบรรเทาภัยพิบัติในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่า
อย่างไรก็ตาม แคลไฟร์ยอมรับว่า แม้จะมีนักดับเพลิงจำนวนมากพยายามควบคุมไฟป่า บางคนทำงานตลอด 24 ชั่วโมง แต่ไฟป่ามีหลายจุดเกินไป และเจ้าหน้าที่ก็ไม่มีทรัพยากรเพียงพอป้องกันอาคารบ้านเรือนไม่ให้ถูกเผาทำลาย โดยหนึ่งในสาเหตุก็คือ ผู้ต้องขังในเรือนจำซึ่งปกติจะออกมาช่วยดับไฟด้วย เหลืออยู่ไม่มาก เพราะส่วนใหญ่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้ นักดับเพลิงยังกังวลเรื่องพยากรณ์อากาศที่ระบุว่า พายุฟ้าคะนองในอากาศแห้ง (dry thunderstorm) หรือ พายุที่ทำให้เกิดฟ้าผ่าแต่มีฝนตกน้อย อาจทำให้ไฟป่าลุกลามยิ่งขึ้นในช่วงวันอาทิตย์ถึงวันอังคารนี้
ทั้งนี้ เหตุไฟป่าที่เกิดขึ้นทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วทั้งสิ้น 6 ศพ นักดับเพลิงและชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 43 ราย บ้านเรือนถูกทำลายเกือบ 700 หลัง ประชาชนราว 175,000 คนต้องอพยพออกจากบ้าน.
...