ซากดึกดำบรรพ์ทานีสโทรฟีอัส (Tanystropheus) เป็นหนึ่งในซากฟอสซิลที่ทำเอานักวิจัยงงงวยมานาน เพราะวันดีคืนดีก็มีนักบรรพชีวินวิทยาบอกว่าฟอสซิลนี้น่าจะเป็นเทอโรซอร์ (pterosaur) ที่บินได้อย่าง เทอโรแดคทิล (pterodactyl) เนื่องจากโครงกระดูกกลวงยาวของมันคือกระดูกนิ้วที่รองรับปีก แต่ต่อมาก็พบซากที่มีกระดูกคอยาว ดูแล้วน่าจะเป็นสัตว์เลื้อยคลานโดยยาว 6 เมตรกว่า ลำพังแค่ส่วนคอก็ยาว 3 เมตรแล้ว
ที่ทำให้งงๆก็คือทานีสโทรฟีอัสมีชีวิตอยู่เมื่อ 242 ล้านปีช่วงกลางยุคไทรแอสสิกซึ่งไดโนเสาร์เพิ่งเริ่มปรากฏตัวบนบก ส่วนมหาสมุทรถูกปกครองโดยสัตว์เลื้อยคลานขนาดยักษ์ นักวิจัยเลยไม่แน่ใจว่าทานีสโทรฟีอัสอาศัยอยู่บนบกหรือในน้ำกันแน่ และที่สงสัยตามมาก็คือพวกมันน่าจะมีอยู่ 2 ชนิด ล่าสุด นักบรรพชีวินวิทยาจากพิพิธภัณฑ์ฟีลด์ ในสหรัฐอเมริกา และมหาวิทยาลัยซูริกในสวิตเซอร์แลนด์ ได้ไขปริศนาลึกลับนี้โดยใช้เทคโนโลยีทันสมัยดูรายละเอียดกระดูกและกะโหลกศีรษะของทานีสโทรฟีอัส ด้วยการสแกนฟอสซิลจากเครื่องเอกซเรย์และสร้างภาพ 3 มิติของชิ้นส่วนกระดูกที่อยู่ภายใน ก็ทำให้เห็นรายละเอียดทางสัณฐานวิทยาที่สำคัญ
กะโหลกศีรษะและรูด้านบนของจมูกเหมือนจระเข้ บ่งบอกว่าทานีสโทรฟีอัสอาศัยอยู่ในน้ำ และวิธีจับเหยื่อก็คือมันก็อาจจะนอนรอให้ปลาและสัตว์ที่คล้ายปลาหมึกว่ายผ่านมา จากนั้นก็ใช้ฟันโค้งยาวจับกิน นอกจากนี้ มันอาจขึ้นบกเพื่อวางไข่ แต่โดยรวมแล้วอาศัยอยู่ในมหาสมุทร และยังพิสูจน์ได้ว่าพวกมันมี 2 สายพันธุ์จริงแต่ต่างขนาดกัน นักวิจัยได้ตั้งชื่อตัวใหญ่ว่า Tanystropheus hydroides ส่วนตัวเล็กก็ใช้ชื่อดั้งเดิมคือ Tanystropheus longobardicus.
(ภาพประกอบ Credit : Stephan Spiekman et al.)
...