ชาวฟิลิปปินส์ในกรุงมะนิลา และ 4 จังหวัดโดยรอบ บนเกาะลูซอนราว 25 ล้านคน เริ่มตกอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์คุมโควิดอีกรอบ ตามคำสั่งรัฐบาล หลังยอดสะสมติดเชื้อในประเทศเกินแสนรายแล้ว
เมื่อ 4 ส.ค.63 ประชาชนมากถึงประมาณ 25 ล้านคน ในประเทศฟิลิปปินส์ต้องหวนกลับมาอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 อีกครั้ง หลังจากเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รัฐบาลประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต แห่งฟิลิปปินส์ ได้ประกาศคำสั่งล็อกดาวน์กรุงมะนิลา เมืองหลวง บนเกาะลูซอน และ 4 จังหวัดใกล้เคียงโดยรอบ เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ตั้งแต่วันอังคารที่ 4 ส.ค.
ขณะนี้ประเทศฟิลิปปินส์กำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น จนเป็นเหตุให้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่นับ 5,032 รายเมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 ส.ค. และยอดสะสมผู้ติดเชื้อในฟิลิปปินส์ได้พุ่งทะยานกว่า 100,000 รายแล้ว จนทำให้องค์กรเครือข่ายการแพทย์นับ 80 องค์กรได้ออกมาเดินขบวนเรียกร้องให้ประธานาธิบดีดูเตร์เต รีบออกคำสั่งประกาศใช้มาตรการที่เข้มงวดในการยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19
...
สำหรับมาตรการล็อกดาวน์ในกรุงมะนิลาและหลายจังหวัดโดยรอบนั้น ทางการฟิลิปปินส์ไม่อนุญาตให้ประชาชนออกจากอาคารบ้านพัก ยกเว้นต้องไปซื้อของที่จำเป็น หรือออกกำลังกายกลางแจ้งเท่านั้น ขณะที่ทางการได้ระงับการให้บริการระบบขนส่งสาธารณะ รวมทั้งเที่ยวบินภายในประเทศ ส่วนร้านอาหารก็ไม่อนุญาตให้นั่งรับประทานอาหารในร้าน ต้องซื้อกลับไปกินที่อาคารที่พักเท่านั้น
บีบีซีรายงานว่า การที่รัฐบาลฟิลิปปินส์ประกาศคำสั่งล็อกดาวน์ กรุงมะนิลา และ 4 จังหวัดโดยรอบ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาและมีผลบังคับทันทีในวันอังคารที่ 4 ส.ค. 63 โดยให้เวลาประชาชนเตรียมตัวในเรื่องต่างๆแค่เพียง 24 ชม.เท่านั้น ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องตกค้างอยู่ในเมืองหลวง เพราะไม่มีรถโดยสารที่จะเดินทางกลับไปบ้านเกิด นอกจากนั้น ประชาชนในหลายพื้นที่ของกรุงมะนิลาได้พากันออกไปซื้ออาหารของใช้ที่จำเป็น ก่อนมาตรการล็อกดาวน์จะมีผลบังคับใช้