เป็นอีกภาพยนตร์ที่โลกไม่ลืม “ฮิดเดน ฟิกเกอร์ส” (Hidden Figures) สร้างจากหนังสือในชื่อเดียวกัน ผลงานของ มาร์โกต์ ลี เช็ตเทอร์ลีย์ นักเขียนอเมริกัน หยิบเอาเรื่องของทีมคณิตกรสตรีผิวดำที่เป็นฟันเฟืองเบื้องหลังความสำเร็จขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือองค์การนาซา ในช่วงต้นทศวรรษ 1960 ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่นาซาแข่งขันกับองค์การอวกาศของสหภาพโซเวียตอย่างเข้มข้น และว่ากันตามเนื้อเรื่องก็ดูเหมือนฝั่งของดินแดนหลังม่านเหล็กดูจะก้าวนำหน้าฝั่งโลกเสรีอย่างสหรัฐอเมริกาอยู่มากกว่าช่วงตัว
ในช่วงนั้นองค์การนาซาระดมสรรพกำลังมันสมองคนทำงานเพื่อจะก้าวให้ทันโซเวียตที่ประสบความสำเร็จในการส่งดาวเทียมสปุตนิก วัน (Sputnik 1) ยานไร้คนขับขึ้นสู่วงโคจรรอบโลกเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2500 เปิดหน้าประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่ทำให้สหภาพโซเวียตกลายเป็นผู้นำด้านอวกาศ และความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อฝั่งชาวหมีขาว ส่งยานวอสตอก วัน (Vostok 1) พร้อมนักบินอวกาศ ยูริ กาการิน ขึ้นสู่อวกาศโคจรรอบโลกและกลับลงสู่โลกอย่างปลอดภัยเมื่อปี พ.ศ.2504 กาการินจึงถูกจารึกชื่อว่าเป็นมนุษย์คนแรกที่เดินทางไปสู่อวกาศ ทำให้ฝ่ายนาซายิ่งพยายามที่จะตามให้ทันเพื่อสร้างประวัติศาสตร์ให้อเมริกาบ้าง ซึ่งอย่างที่รู้กันพวกเขาก็ทำสำเร็จในเวลาต่อมา หลังส่งยานอวกาศอพอลโล 11พานักบินอวกาศชาวอเมริกันไปเหยียบดวงจันทร์เป็นครั้งแรกของมนุษยชาติ

...
หนัง “ฮิดเดน ฟิกเกอร์ส” ไม่ตกหล่นเรื่องเล่าถึงการขับเคี่ยวกับคู่แข่งชาติมหาอำนาจที่เป็นตัวกระตุ้นสำคัญต่อการพัฒนาเติบโตของวงการอวกาศอเมริกา แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะเน้นไปที่บทบาทของสตรีชาวแอฟริกัน-อเมริกัน 3 คนที่ทำงานอยู่ในพื้นที่จำกัดของคนผิวดำแห่งศูนย์วิจัยแลงลีย์ในเวอร์จิเนีย สาวๆเหล่านั้นคือ แคทเธอรีน จอห์นสัน นักคอมพิวเตอร์, โดโรธี วอห์น นักคณิตศาสตร์ และ แมรี่ วินสตัน แจ็คสัน นักคณิตศาสตร์และวิศวกรการบินอวกาศ ว่ากันว่าผลงานของหน่วยคณิตกรสตรีผิวดำในแผนกคำนวณของพื้นที่ฝั่งตะวันตกแห่งศูนย์วิจัย ได้รับความสนใจจากผู้อ่านหนังสือ “ฮิดเดน ฟิกเกอร์ส” อย่างกว้างขวาง เพราะสะท้อนถึงความฝันแบบอเมริกันผ่านเรื่องราวของนักคณิตศาสตร์สตรีผิวดำ ผู้ที่ช่วยให้อเมริกากำชัยชนะในการแข่งขันทางด้านอวกาศ

ในหนังเรื่อง “ฮิดเดน ฟิกเกอร์ส” อาจดูเหมือนจะให้น้ำหนักไปที่แคทเธอรีน จอห์นสัน เนื่องจากเธอทำผลงานโดดเด่นในแผนกวิจัยการบิน ด้วยการคำนวณและร่างวิถีวงโคจรของแคปซูลอวกาศให้แก่จอน เกล็น นักบินอวกาศที่เชื่อมั่นในตัวเลขจากการคำนวณของเธอ และผลงานชิ้นสำคัญของเธอก็คือช่วยส่งยานอวกาศอพอลโล 11 ไปดวงจันทร์ แคทเธอรีน จอห์นสันได้อำลาโลกนี้ไปเมื่อ 24 ก.พ.2563 พร้อมกับเกียรติประวัติที่น่าภูมิใจ ส่วนโดโรธี วอห์น เสียชีวิตไปตั้งแต่ปี พ.ศ.2551 ตามหลังแมรี่ วินสตัน แจ็คสันเพื่อนร่วมงานผู้วายชนม์ไปในปี พ.ศ.2548

แม้ผู้คนส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าแมรี่ วินสตัน แจ็คสันมีบุคลิกหรือนิสัยใจคออย่างไร แต่ จาแนลล์ โมเน่ นักร้อง นักแต่งเพลง และนักแสดงชาวอเมริกัน ก็สวมบทบาทของเธอได้อย่างน่าประทับใจ เผยให้เห็นว่าในช่วงเวลาที่สังคมอเมริกันยังมีการกักกั้นแบ่งแยกสีผิว เลือกปฏิบัติทางเพศ วิศวกรสาวคนนี้กลับเดินหน้าและไขว่คว้าโอกาสให้กับตัวเองอย่างแข็งแกร่งและน่านับถือ ซึ่งหลังจากการทำงาน 2 ปีในแผนกคำนวณ แมรี่ วินสตัน แจ็คสันก็ได้รับข้อเสนอให้ทำงานในอุโมงค์แรงดันซุปเปอร์โซนิค ต่อมาหัวหน้างานก็แนะนำให้เธอเข้าร่วมโปรแกรมการฝึกอบรมเพื่อเปิดทางให้เธอได้เลื่อนตำแหน่งจากนักคณิตศาสตร์มาเป็นวิศวกร จนกระทั่งกลายเป็นวิศวกรสตรีแอฟริกัน-อเมริกันคนแรกขององค์การนาซา

...

เพื่อเป็นเกียรติและอนุสรณ์แก่คุณงามความดีของเหล่าสตรีที่เป็นส่วนหนึ่งความความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของนาซา “ทีมเงาที่ซ่อนอยู่” ได้ถูกเชิดชูอย่างสง่างาม นอกจากจะมีการเปลี่ยนชื่อถนนหน้าอาคารสำนักงานใหญ่ของนาซาเป็น “ฮิดเดน ฟิกเกอร์ส เวย์” (Hidden Figures Way) แล้ว จิม ไบรเดนสตีน ผู้บริหารนาซาประกาศเมื่อเร็วๆนี้ว่าอาคารสำนักงานใหญ่ของหน่วยงานในกรุงวอชิงตันดี.ซี.จะถูกตั้งชื่อว่า “แมรี่ ดับเบิลยู. แจ็คสัน” (Mary W. Jackson) เพื่อให้เกียรติแก่วิศวกรสตรีผิวดำผู้ล่วงลับ เพราะไม่เพียงเธอจะเป็นส่วนหนึ่งของสตรีกลุ่มสำคัญอย่างยิ่งที่ช่วยให้นาซาประสบความสำเร็จในการส่งนักบินอวกาศอเมริกันขึ้นสู่อวกาศ แต่แมรี่ วินสตัน แจ็คสันยังช่วยทลายกำแพงความไม่เท่าเทียม และเปิดประตูโอกาสให้แก่ชาวอเมริกัน-แอฟริกัน รวมถึงสตรีที่ทำงานในสาขาวิศวกรรม

...
และตอนนี้โลกได้จดจำว่า แมรี่ วินสตัน แจ็คสัน คือสตรีผู้มีความสามารถและเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ยอดเยี่ยม ในประวัติศาสตร์ของนาซาตลอดกาล.
กันเกรา