ทูตอังกฤษถกผลกระทบและโอกาสในการฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 กับ 15 ผู้บริหารบริษัทอังกฤษในไทย กังวลผลกระทบจากแรงงานถูกเลิกจ้างมาเป็นอันดับหนึ่ง คาดไทยอาจใช้เวลานานถึง 3 ปีก่อนฟื้นตัวสู่สภาพเดิม มองโครงสร้างพื้นฐานเป็นจุดแข็งต่อการลงทุน
สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทยรายงาน เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย มร.ไบรอัน เดวิดสัน ร่วมกับ ที่ปรึกษาพาณิชย์ประจำสถานทูตอังกฤษ มร.ริชาร์ด พอร์ตเตอร์ และประธานบอร์ดหอการค้าไทยอังกฤษ มร.เกรก วัตกินส์ จัดการประชุมโต๊ะกลมแบบออนไลน์ (Virtual Roundtable Meeting) กับผู้บริหารธุรกิจสหราชอาณาจักรในไทยกว่า 15 บริษัท เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน ที่ผ่านมา เพื่อพูดคุยถึงผลกระทบของสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมถึงแลกเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงานเพื่อปรับตัวและฟื้นฟูธุรกิจให้เข้ากับชีวิตวิถีใหม่ (New Normal)
มร.ไบรอัน เดวิดสัน เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย กล่าวว่า “ธุรกิจจำนวนมากได้รับผลกระทบจากโรคระบาดระดับโลกครั้งนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง การประชุมโต๊ะกลมออนไลน์นี้เป็นส่วนหนึ่งในการประสานงานกับภาคธุรกิจที่เราได้ดำเนินมาตลอดระยะเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่เรายืนหยัดเคียงข้างกลุ่มธุรกิจอังกฤษในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องมีการสื่อสารแลกเปลี่ยนเป็นประจำกับกลุ่มธุรกิจอังกฤษที่ส่งออกมายังประเทศไทย และธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ที่นี่ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีการหารือ และความร่วมมือต่างๆ กับรัฐบาลไทยเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้ ขณะที่สหราชอาณาจักรและไทยร่วมกันหาทางข้ามผ่านความท้าทายทางธุรกิจในโลกยุคหลังโควิด”
การประชุมกับภาคธุรกิจครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการประสานงานกับภาคธุรกิจที่สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษดำเนินมาโดยตลอดเพื่อสนับสนุนธุรกิจอังกฤษให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ โดยก่อนหน้าการประชุมทางสถานทูตได้จัดทำแบบสำรวจส่งไปยังผู้บริหารธุรกิจอังกฤษซึ่งได้รับผลตอบรับกลับมาเป็นจำนวนมาก
...
จากผลสำรวจพบว่ากว่า 40% ของธุรกิจได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลให้ต้องระงับหรือหยุดการดำเนินงาน ผลกระทบต่อธุรกิจในด้านต่างๆ มีดังนี้
76.5% เผชิญกับความท้าทายเนื่องจากสภาพการทำงาน
70.6% มียอดขายลดลง
41.2% เผชิญกับความท้าทายในการบริหารสภาพคล่องทางการเงิน และผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิต
1 ใน 3 ของธุรกิจระบุว่าได้รับผลกระทบจากการสั่งปิดกิจการ และห้ามขายสินค้าตามมาตรการของรัฐบาลไทย
ระหว่างการประชุมมีการหยิบยกหลายประเด็นขึ้นมาหารือ ธุรกิจจำนวนมากมีความกังวลเกี่ยวกับการจ้างงานในภาคธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว รวมไปถึงธุรกิจการบิน บริการโรงแรม และธุรกิจค้าปลีก ผู้เข้าร่วมประชุมคาดการณ์ว่าธุรกิจเหล่านี้อาจต้องใช้เวลาถึง 3 ปี ในการฟื้นตัวสู่ระดับที่เคยเป็นเมื่อปี 2562 ดังนั้นจึงมีข้อกังวลว่ามาตรการช่วยเหลือในปัจจุบันของรัฐบาลไทยอาจไม่เพียงพอสำหรับการรักษาสถานะการจ้างงานของแรงงานในภาคธุรกิจเหล่านี้ที่ได้รับผลกระทบอย่างสาหัส
ผู้ผลิตสัญชาติอังกฤษในประเทศไทยต่างใช้มาตรการหลากหลายเพื่อเยียวยา หรือลดผลกระทบต่อธุรกิจของตน รวมไปถึงการปิดศูนย์ตัวแทนจำหน่ายชั่วคราว ลดจำนวนการผลิต และเจรจาเพื่อลดการจ่ายเงินเดือน เพื่อให้สอดรับการความต้องการที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม พบว่ายังมีบางธุรกิจที่ได้รับผลเชิงบวกจากสถานการณ์นี้ที่เห็นในระยะสั้น ตัวเลขที่น่าสนใจไม่น้อย คือ ยอดสั่งซื้อสินค้าของหนึ่งในบริษัทที่ร่วมการประชุมเพิ่มสูงขึ้นกว่า 150% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แสดงให้เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจที่ยังมีอยู่แม้ธุรกิจในภาคการผลิตจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากโควิด-19 ทั้งผลต่อห่วงโซ่การผลิต และวิธีการขนส่งสินค้าในช่วงที่มีมาตรการปิดเมืองก็ตาม ข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นว่าธุรกิจยังมีโอกาสทำกำไรขณะที่ความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนไป
เมื่อมองถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว ประเทศไทยยังต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ จากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงอันเป็นผลจากอัตราการว่างงานที่สูงขึ้น การปิดกิจการของผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จากการขาดสภาพคล่องเป็นเวลานาน รวมถึงหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูง
ในประเด็นการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ ตัวแทนธุรกิจอังกฤษเห็นว่าแม้ไทยจะต้องเผชิญความท้าทายต่างๆ หลายด้าน เช่น การชะลอตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ การสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขัน เนื่องจากค่าแรงที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน และการขาดทักษะด้านเทคโนโลยีของแรงงาน แต่ไทยยังคงมีได้ข้อได้เปรียบในหลายด้าน เช่น โครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนาก้าวหน้า โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษตะวันออก (EEC) ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างต่อเนื่องแข็งขัน รวมทั้งที่ตั้งของประเทศซึ่งเป็นทำเลยุทธศาสตร์อยู่ใจกลางภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ดังนั้น หากรัฐบาลไทยให้การสนับสนุนธุรกิจอย่างเหมาะสมทันท่วงที ประกอบกับมีมาตรการช่วยเหลือแรงงานในระยะสั้น และมีการพัฒนาทักษะแรงงานในระยะยาว ตัวแทนธุรกิจอังกฤษก็เชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะยังมีความน่าสนใจสำหรับนักลงทุนต่างชาติ.