งานวิจัยสหรัฐฯ พบพนักงานบริษัทในไทย สิงคโปร์ และฮ่องกง มีภาวะเครียดมากขึ้นเมื่อต้องทำงานที่บ้านในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 เพราะต้องตื่นตัวตลอดเวลา
เว็บไซต์ Nikkei Asian Review รายงานอ้างงานวิจัยโดยบริษัท Cigna บริษัทบริการด้านสุขภาพของสหรัฐฯ ที่ใช้การสอบถามกลุ่มตัวอย่างในไทย สิงคโปร์ ฮ่องกง จีนแผ่นดินใหญ่ ไปจนถึงสเปน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา
งานวิจัยพบว่า คนทำงานในสิงคโปร์มีความเครียดจากงานมากขึ้นเป็น 63% จากเดิมที่เคยวัด 58% ในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นช่วงที่โรคโควิด-19 ยังระบาดไม่รุนแรง และยังไม่มีมาตรการจากรัฐบาลให้ประชาชนทำงานที่บ้าน (Work from Home) ขณะที่กลุ่มตัวอย่างในประเทศไทย พบมีความเครียดจากงานอยู่ที่ 52% เพิ่มขึ้นจาก 48% เช่นเดียวกับฮ่องกงที่เพิ่มจาก 46% เป็น 47%
งานวิจัยชิ้นนี้ชี้ว่า ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนไทย สิงคโปร์ และฮ่องกง มีความเครียดเมื่อต้องทำงานที่บ้านมากขึ้น น่าจะมาจากวัฒนธรรมการทำงานที่ต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เพราะกลัวจะพลาดการติดต่องานที่อาจเข้ามาได้ตลอดเวลาผ่านทางโทรศัพท์ อีเมล หรือข้อความ ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างในไทย สิงคโปร์ และฮ่องกง ที่ระบุว่า พวกเขาต้องอยู่ในภาวะตื่นตัวตลอดเวลามากถึงกว่า 70%
...
นอกจากนี้ยังมีการตั้งข้อสังเกตจากนักจิตวิทยาชาวสิงคโปร์ด้วยว่า การทำงานที่บ้านทำให้การแยกภาระงานที่ทำงานกับความรับผิดชอบในบ้านยากขึ้น ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้การทำงานที่บ้านมีความเครียดหนักขึ้น
งานวิจัยชิ้นดังกล่าวยังตั้งข้อสังเกตจากการสอบถามกลุ่มตัวอย่างในประเทศจีน ที่พบว่ามีความเครียดจากการทำงานอยู่ที่บ้าน 58% แต่อาจนำข้อมูลดังกล่าวมาประเมินลำบาก เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่เริ่มใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ก่อนประเทศอื่น ทำให้สถานการณ์มีความแตกต่างออกไป ขณะเดียวกันวัฒนธรรมการทำงานของจีนยังมีความยืดหยุ่น และมีการใช้เทคโนโลยีติดต่องานระหว่างกันมาก่อนแล้ว.