สวีเดนสามารถปิดคดีฆาตกรรม นายกรัฐมนตรี โอลอฟ พัลเมอร์ ที่เป็นปริศนามาตลอด 34 ปีที่ผ่านมาได้แล้ว โดยระบุว่า ผู้ต้องสงสัยหลักเสียชีวิตไปแล้ว

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายกรัฐมนตรี โอลอฟ พัลเมอร์ ถูกยิงเสียชีวิตจากด้านหลังระหว่างเดินกลับบ้านบนถนน สเวียวาเกน ถนนใหญ่ซึ่งมีผู้คนพลุกพล่านที่สุดของสวีเดน ในคืนวันที่ 28 ก.พ. 2529 หลังจากไปโรงภาพยนตร์กับนาง ลิสเบ็ต ภริยา โดยตอนนั้นเขามีอายุ 59 ปี และกำลังดำรงตำแหน่งผู้นำสวีเดนเป็นสมัยที่ 2

ปริศนาการฆาตกรรมนายพัลเมอร์ ที่ไม่รู้ตัวคนร้ายแน่ชัดทั้งที่มีพยานเห็นเหตุการณ์หลายสิบคน และไม่ทราบมูลเหตุในการลงมือ ทำให้เกิดการคาดเดาไปต่างๆ นาๆ และมีทฤษฎีสมคบคิดมากมาย ขณะที่เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบปากคำประชาชนมากกว่า 10,000 คน และมีผู้ที่อาจเป็นผู้ต้องสงสัยถึง 134 คนอ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุ

ล่าสุดในวันพุธที่ 10 มิ.ย. 2563 นายคริสเตอร์ พีเตอร์สซอน อัยการสูงสุดแห่งสวีเดน กล่าวในการแถลงข่าวที่กรุงสตอกโฮล์ม ว่า เขาเชื่อว่ามีคนร้ายเพียงคนเดียวในคดีนี้คือชายที่ชื่อว่า สติก เอ็งสตรัม (Stig Engström) แต่ไม่สามารถทำอะไรมากกว่านี้เพื่อพิสูจน์ความจริงได้ เนื่องจากเขาเสียชีวิตไปแล้ว

“เพราะเขาเสียชีวิตแล้ว จึงไม่สามารถฟ้องร้องเขาได้ และเราตัดสินใจแล้วว่าจะไม่สานต่อการสืบสวนนี้อีก ตามความคิดของผม สติก เอ็งสตรัม เป็นผู้ต้องสงสัยที่น่าจะใช่คนร้ายมากที่สุด” นายพีเตอร์สซอนกล่าว “มีสถานการณ์หลายอย่างที่ชี้ไปยังนายเอ็งสตรัม”

สติก เอ็งสตรัม
สติก เอ็งสตรัม

...

ตามการเปิดเผยของนายพีเตอร์สซอน มีพยานหลายคนอธิบายรูปพรรณสันฐานของมือปืนคล้ายกับรูปลักษณ์ของนายเอ็งสตรัมในเวลานั้น และให้การขัดแย้งกับคำให้การของนายเอ็งสตรัมที่อ้างว่า พยายามจะเข้าไปใช้นายพัลเมอร์ด้วย

“ถ้าทีมสืบสวนคดีพัลเมอร์ชุดนี้ปฏิบัติหน้าที่เมื่อ 34 ปีก่อน นายเอ็งสตรัมคงยังถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวเอาไว้ เพราะเขาไม่สามารถอธิบายทั้งการกระทำและความเคลื่อนไหวของเขา (ในเวลาเกิดเหตุ) ให้เป็นที่น่าพอใจได้” นายพีเตอร์สซอนกล่าวต่อ “เขาทำตัวแบบที่เราเชื่อว่าฆาตกรจะทำ”

ทั้งนี้ นายเอ็งสตรัม ซึ่งมีฉายาว่า ‘ชายสแกนเดีย’ (Skandia man) ตามชื่อบริษัทที่เขาทำงานอยู่ อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่สอบปากคำเขาหลายครั้งแต่ตัดเขาจากการเป็นผู้ต้องสงสัยอย่างรวดเร็ว แต่หลายปีต่อมา เจ้าหน้าที่เริ่มสืบประวัติชายคนนี้อีกครั้ง และพบว่าเขามีความคุ้นเคยในการใช้อาวุธปืน เคยสังกัดในกองทัพ และเป็นสมาชิกชมรมยิงปืน

เจ้าหน้าที่พบอีกว่า นายเอ็งสตรัมอาศัยอยู่ในท้องถิ่นที่ขึ้นชื่อว่าไม่พอใจนโยบายของนายพัลเมอร์ด้วย ซึ่งญาติของเขายืนยันว่า นายเอ็งสตรัมมีมุมมองในด้านลบต่อนายกฯ พัลเมอร์จริง นอกจากนี้ นายเอ็งสตรัมยังมีปัญหาทางการเงินมาอย่างยาวนาน ก่อนจะเริ่มมีปัญหาติดแอลกอฮอล์ในเวลาต่อมา และหลังจากหย่าร้างกับภรรยาคนที่ 2 ได้ราว 1 ปี เขาก็ตัดสินใจจับชีวิตตัวเองในเดือนมิถุนายน 2543 ขณะมีอายุ 66 ปี