ผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯ เพิ่มจนทะลุ 70,000 ศพแล้ว ขณะที่สหราชอาณาจักรมีผู้เสียชีวิตแซงหน้าอิตาลีเป็นครั้งแรก
เว็บไซต์ ศูนย์ข้อมูลไวรัสโคโรนา ของมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮ็อปกินส์ ระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 70,115 ศพแล้ว หลังอัปเดตสถิติ ณ เวลา 00.32 น. วันพุธที่ 6 พ.ค. 2563 ตามเวลาไทย ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 1,192,119 ราย สูงเป็นอันดับ 1 ของโลก
สถิติล่าสุดของสหรัฐฯ เกิดขึ้นหลังจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน เผยโมเดลคาดการณ์แนวโน้มการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตในสหรัฐฯ อาจเพิ่มเกือบ 2 เท่าไปอยู่ที่ 134,000 ศพ ในวันที่ 4 ส.ค. เพราะมีการเดินทางมากขึ้น อันเป็นผลจากการผ่อนคลายล็อกดาวน์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นใน 31 รัฐภายใน 11 พ.ค.นี้
อีกด้านหนึ่ง กระทรวงต่างประเทศแห่งสหราชอาณาจักร เปิดเผยในวันอังคารที่ 5 พ.ค. ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 29,427 ศพแล้ว ทำให้สหราชอาณาจักร กลายเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากไวรัสมรณะตัวนี้สูงเป็นอันดับ 1 ของทวีปยุโรป แซงหน้าอิตาลีซึ่งรายงานผู้เสียชีวิตล่าสุดที่ 29,315 ศพ
ทั้งนี้ อิตาลีเคยเป็นประเทศไวรัสโควิด-19 ระบาดหนักที่สุดในโลกอยู่ช่วงหนึ่ง และเป็นประเทศแรกในยุโรปที่ใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดเพื่อควบคุมไวรัส แต่ในปัจจุบัน อัตราพบผู้ติดเชื้อรายวันในประเทศลดลงอย่างมาก ทำให้พวกเขาเริ่มผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวลง โดยในสัปดาห์นี้ประชาชนราว 4 ล้านคนสามารถกลับไปทำงานได้แล้ว
...
นอกจากนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อคงเหลือในอิตาลีลดลงอย่างต่อเนื่องไปอยู่ที่ 98,467 ราย เช่นเดียวกับผู้ที่ต้องรักษาตัวในห้องไอซียู ซึ่งลดลงจากเมื่อวันจันทร์ 52 รายเหลือ 1,427 ราย ขณะที่จำนวนผู้ที่หายดีแล้วก็เพิ่มขึ้นอีก 2,352 คนเป็น 85,231 คน