ประธานาธิบดีของฝรั่งเศส ประกาศขยายเวลาล็อกดาวน์ประเทศออกไปจนถึงเดือนพฤษภาคม และยอมรับด้วยว่า ฝรั่งเศสไม่พร้อมเพียงพอในการต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19
สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 13 เม.ย. 2563 ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ออกแถลงการณ์ผ่านทางโทรทัศน์เกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ โดยประกาศขยายระยะเวลาของมาตรการล็อกดาวน์ทั่วปรเทศออกไปจนถึงวันที่ 11 พ.ค. เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของไวรัสมรณะตัวนี้
นายมาครงยังยอมรับด้วยว่ารัฐบาลฝรั่งเศสไม่มีความพร้อมเพียงพอในการรับมือกับการระบาดครั้งนี้ “เราขาดชุดป้องกัน, เจลล้างมือ, หน้ากาก เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ เราต้องมีการตัดสินใจที่ยากลำบาก” และเตือนด้วยว่า โรงพยาบาลหลายแห่งยังคงในบางพื้นที่ของประเทศ ยังอยู่ภายใต้แรงกดดันจากผู้ป่วยจำนวนมหาศาล
ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ของฝรั่งเศสตามประกาศล่าสุดของนายมาครง ใครก็ตามที่จะออกจากบ้านต้องมีเอกสารระบุสาเหตุที่พวกเขาออกจากบ้าน ขณะที่ร้านอาหาร, บาร์, โรงภาพยนตร์ และสถานที่ที่ผู้คนมาพบปะชุมนุมกันอื่นๆ จะถูกปิดต่อไป ขณะที่งานเทศกาลจะถูกห้ามจัดไปจนถึงกลางเดือนกรกฎาคม
ชายแดนที่เชื่อมระหว่างประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกสหภาพยุโรปจะถูกปิดจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนอปลง ขณะที่ผู้สูงอายุ และผู้ทุพพลภาพร้ายแรง หรือมีอการป่วยเรื้อรังจะต้องอยู่แต่ในบ้าน แม้ว่ารัฐบาลจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ส่วนโรงเรียน และมหาวิทยาลัยต่างๆ จะค่อยๆ ทยอยเปิดทำการตั้งแต่ 11 พ.ค. เป็นต้นไป และฝรั่งเศสจะร่วมมือกับหุ้นส่วนสหภาพยุโรป ยกระดับการวิจัยวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ด้วย
...
ทั้งนี้ แถลงการณ์ของนายมาครงเกิดขึ้นในขณะที่การระบาดของโควิด-19 ในฝรั่งเศสเริ่มส่งสัญญาณของการชะลอตัวลง โดยกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยในวันจันทร์ว่า พบผู้เสียชีวิตจากไวรัสมรณะตัวนี้อีก 574 ศพ ลดลงจากเมื่อวันอาทิตย์ โดยยอดผู้เสียชีวิตรวมตอนนี้อยู่ที่ 14,986 ศพ ขณะที่จำนวนคนไข้ในห้องไอซียูลดลงเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันแล้ว