ผลกระทบจากสถานการณ์ระบาดของโคโรนาไวรัส หรือโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสหรัฐฯ ทำให้ผู้คนต้องตกงานทั่วประเทศแล้วมากกว่า 6.6 ล้านคน ตัวเลขผู้คนตกงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับภูมิภาคยุโรป ซึ่งผู้คนตกงานแล้วมากกว่า 1 ล้านคน เฉพาะผู้คนตกงานในสเปนจนถึงช่วงเดือน มี.ค.แล้วกว่า 300,000 คน ส่วนประเทศจีน ต้นตอพบการระบาดของโควิด-19 ผู้คนต้องสูญเสียงานมากราว 200 ล้านคน

ขณะเดียวกัน ธนาคารโลกอนุมัติกองทุนฉุกเฉินเบื้องต้นแล้วราว 1,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ช่วยสนับสนุนแก้วิกฤติผลกระทบจากโควิด-19 โดยเฉพาะกลุ่มชาติกำลังพัฒนา รวมถึงอินเดีย นอกจากนั้น ธนาคารโลกยังเตรียมเงินกองทุนช่วยแก้ปัญหาวิกฤติโควิด-19 ตลอดช่วง 15 เดือนข้างหน้า รวมราว 160,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ก่อนหน้านี้ รายงานของธนาคารโลกคาดหมายสภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจของกลุ่มชาติภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก โดยเฉพาะกลุ่มชาติกำลังพัฒนา อาจผลักดันผู้คนในภูมิภาคให้ตกอยู่ในสภาพความยากจนมากขึ้นอีกกว่า 11 ล้านคน ปัจจุบันผู้คนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก อยู่ในสภาพยากจนมากเกือบ 35 ล้านคน โดยกว่า 25 ล้านคนอยู่ในประเทศจีน ส่วนที่เหลือกระจายอยู่ในชาติอื่นๆ โดยกลุ่มคนยากจนวัดจากค่าเฉลี่ยรายได้ดำรงชีพแต่ละวันต่ำกว่า 5.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 170 บาท

รายงานของธนาคารโลกระบุอีกว่า หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ต้องทุ่มงบ ประมาณจำนวนมากเพื่อเพิ่มศักยภาพระบบสาธารณสุขของประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ส่วนจีนในฐานะชาติเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลก แม้ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมเริ่มทยอยกลับสู่ภาวะการผลิตปกติ แต่การส่งออกสินค้าของจีนก็ยังต้องได้รับผลกระทบเพราะการนำเข้าสินค้าจากนานาประเทศยังชะลอตัว

...

ส่วนผลกระทบอื่นๆจากสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ทำให้คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติจัดประชุมฉุกเฉิน เพื่อเพิ่มความร่วมมือแก้ปัญหาระบาดของโควิด-19 ซึ่งถือว่าส่งผลกระทบต่อสันติภาพและความมั่นคงของโลกโดยรวม นอกเหนือจากร่วมเรียกร้องให้หยุดยิงตามพื้นที่เกิดความขัดแย้งทั่วโลก ขณะที่สหรัฐฯเลื่อนกระบวนการเสนอชื่อผู้แทนพรรคเดโมแครตขึ้นชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีออกไปเป็นช่วงเดือน ส.ค.