ชาวมาเลเซียแห่เดินทางเข้าสู่งสิงคโปร์จนทำให้รถติดอย่างหนัก ก่อนที่มาตรการปิดประเทศจะเริ่มมีผลบังคับใช้ ซึ่งจะทำให้พวกเขาไม่สามารถออกนอกประเทศได้นาน 2 สัปดาห์

สำนักข่าว สเตรทส์ไทม์ส รายงานว่า มาตรการปิดประเทศของมาเลเซีย ซึ่งจะห้ามชาวมาเลเซียเดินทางออกนอกประเทศ และห้ามชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศเป็นเวลา 2 สัปดาห์จนถึงวันที่ 31 มี.ค. 2563 เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วหลังจากเวลาเที่ยงคืนวันอังคารที่ 17 มี.ค.

มาตรการดังกล่าวรวมไปถึงการปิดพรมแดนระหว่างมาเลเซียกับสิงคโปร์ ซึ่งกระทบโดยตรงต่อชาวมาเลเซียกว่า 300,000 คนที่ต้องเดินทางไปกลับสิงคโปร์ทุกวันเพื่อทำงาน หลายบริษัทในสิงคโปร์ซึ่งพึ่งพาแรงงานจากมาเลเซียเป็นจำนวนมาก ตัดสินใจจัดหาที่พักชั่วคราวให้แก่ลูกจ้าง ทำให้แรงงานมาเลย์จำนวนมากแห่เดินทางกลับบ้านในรัฐยะโฮร์เพื่อเก็บข้าวของ แล้วเดินทางข้ามสะพาน ‘คอสเวย์’ (Causeway) กลับไปยังสิงคโปร์ จนทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก

...

ตามรายงานของ todayonline ในเวลาประมาณ 21:00 น. ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งเหลือเพียง 3 ชั่วโมงก่อนจะปิดพรมแดน ถนนคอสเวย์เส้นทางจากมาเลเซียไปสิงคโปรยังมีรถยนต์ต่อแถวยาวสุดลูกหูลูกตา ขณะที่หน้าด่านตรวจคนเข้าเมืองสิงคโปร์เต็มไปด้วยรถจักรยานยนต์เบียดกันชนิดไหล่ชนไหล่ เมื่อถึงเที่ยงรถจักรยานยนต์ก็สามารถผ่านด่านได้ครบทุกคัน เหลือเพียงรถยนต์จำนวนมากที่ยังอยู่บนถนนพยายามเดินทางเข้าสิงคโปร์

กระทั่งในเวลาประมาณ 1:20 น. วันพุธ เจ้าหน้าที่ฝั่งมาเลเซียก็นำรั้วมากั้นถนนเพื่อไม่ให้รถออกนอกประเทศอีกต่อไป และปริมาณรถยนต์ก็ค่อยๆ ลดลงจนหมดภายในครึ่งชั่วโมงต่อมา เหลือเพียงรถส่งสินค้าที่ยังได้รับอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศได้เท่านั้น

ทั้งนี้ นอกจากแรงงานแล้ว มาเลเซียยังเป็นแหล่งนำเข้าเสบียงอาหารหลักของสิงคโปร์ ซึ่งคำสั่งปิดประเทศของนายกรัฐมนตรี มูห์ยิดดิน ยัสซิน ทำให้ชาวสิงคโปร์กังวลว่าจะเกิดภาวะขาดแคลนอาหาร จนแห่ออกไปซื้อกักตุนสินค้าด้วยความตื่นตระหนก อย่างไรก็ตาม นาย ชาน ชุน ซิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของสิงคโปร์ยืนยันว่า จะไม่มีการขาดแคลนอาหารอย่างแน่นอน เพราะรัฐบาลกำลังร่วมมือกับบริษัทต่างๆ เพื่อเพิ่มเสบียงอาหารและของใช้จำเป็นมาตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา