รัฐบาลอังกฤษฉีกแนว ลั่นยังไม่ปิดโรงเรียนและสถานที่ท่องเที่ยว หวังใช้การสร้าง Herd Immunity หรือผลภูมิคุ้มกันทางอ้อม ในการสร้างวัคซีนต้านโรคโควิด-19
นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศเมื่อ 12 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ว่าทางกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษกำลังเร่งคิดค้นและหาวิธีรับมือกับสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ที่กำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤติ “ขอให้ประชาชนทั่วประเทศเตรียมพร้อมรับมือกับโรคร้าย ที่อาจจะคร่าชีวิตบุคคลอันเป็นที่รักก่อนเวลา”
ภายหลังคำแถลงการณ์ของ นายจอห์นสัน ต่างเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันทั่วว่า มีบางอย่างขัดแย้งกันในคำพูดและการกระทำของเขา หลังทางการอังกฤษออกมากล่าวซ้ำๆ ว่า ไม่เชื่อว่าการปิดโรงเรียน และสถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงกิจกรรมชุมนุมต่างๆ อย่างที่ประเทศอิตาลี ฝรั่งเศส และสเปน จะมีประสิทธิภาพมากพอที่จะช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได้ เพราะรัฐบาลเชื่อว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นสูงสุดในช่วง 14 สัปดาห์นับจากนี้ นั่นหมายความว่าในตอนนี้ทางรัฐบาลอังกฤษจะยังไม่ประกาศใช้มาตรการการป้องกันที่เข้มงวดเหมือนประเทศอื่นๆ ในแถบยุโรป เพราะเกรงว่าประชาชนภายในประเทศยังไม่พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่กะทันหัน

...
ล่าสุดมีกระแสข่าวออกมาว่า อังกฤษกำลังพยายามคิดค้นวิธีการต้านไวรัส โดยการสร้าง Herd Immunity คือ ผลของภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นทางอ้อม จากกลุ่มของประชากรที่ไม่เคยมีภูมิคุ้มกันต่อโรคใดโรคหนึ่งมาก่อน แต่ได้รับผลการป้องกันการติดเชื้อจากกลุ่มประชากรที่มีภูมิคุ้มกันต่อโรค เพราะเมื่อร่างกายไม่ป่วย เชื้อโรคก็ไม่สามารถเพิ่มจำนวนและเเพร่กระจายไปยังบุคคลอื่นได้อีก
นั่นหมายความว่า ถ้าสามารถให้วัคซีนครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายถึงระดับที่ทำให้เกิด Herd Immunity ได้ ก็อาจจะสามารถนำวัคซีนที่ได้จากกลุ่มบุคคลที่มีภูมิคุ้มกัน มาใช้กับผู้ป่วยรายอื่นๆ ได้ และอาจสามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคติดต่อจนสามารถกำจัดโรคชนิดนั้นให้หมดไปได้ ทั้งนี้ยังไม่มีรายงานที่เป็นผลออกมายืนยันได้อย่างชัดเจนว่าวิธีดังกล่าวจะสามารถประสบผลสำเร็จได้มากน้อยแค่ไหน

อย่างไรก็ตาม จอห์นสันเองกำลังทำงานอยู่ภายใต้แรงกดดันจากทุกฝ่าย โดยล่าสุดรัฐบาลอังกฤษได้มีการดำเนินการพูดคุยและปรึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นร่วมกับทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อวางแผนรับมือ และจ่อเตรียมร่างกฎหมายฉุกเฉิน สำหรับการบังคับในยามจำเป็น ซึ่งคาดว่าจะประกาศใช้ในปลายสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ทางการได้ออกคำแนะนำเบื้องต้นสำหรับชาวอังกฤษ ให้กักตัวเองเป็นเวลา 7 วัน หากเริ่มมีอาการไอหรือมีไข้ขึ้นสูง พร้อมหมั่นดูแลรักษาสุขอนามัยอย่างเข้มงวด และล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ.