ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ รับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

เมื่อ 13 มี.ค.63 ตามเวลาท้องถิ่น นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ "ขั้นร้ายแรง" เพื่อเปิดทางให้สหรัฐฯ รับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด -19 โดยรัฐบาลกลางจะได้รับงบประมาณเยียวยาฉุกเฉิน เป็นจำนวนเงิน 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (1.60 ล้านล้านบาท) และยังได้รับการจัดสรรบุคลากรในการทำงานต่อสู้กับการแพร่ระบาด 

ผู้นำสหรัฐฯ แถลงที่โรส การ์เดน ในทำเนียบขาวระบุว่า การประกาศเข้าสู่สถานการณ์ฉุกเฉินช่วยเพิ่มอำนาจในการทำงานของรัฐบาลกลาง และยังเปิดทางสำหรับมาตรการด้านสาธารณสุขของประเทศ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาพยาบาลและการตรวจหาเชื้อได้รวดเร็วขึ้น สามารถหยุดยั้งการแพร่ระจายของเชื้อได้เร็วขึ้นด้วย

ทรัมป์ยังสั่งการให้ทุกรัฐจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพอย่างเร่งด่วน และเรียกร้องให้โรงพยาบาลทุกแห่งมีแผนเตรียมการที่สามารถตอบสนองต่อการรับมือการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที

...

ล่าสุด กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ ยืนยันพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 250 รายในรอบ 24 ชั่วโมง มาอยู่ที่ 1,701 ราย มีผู้เสียชีวิต 41 ศพ

ก่อนหน้านี้รัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาตรการที่จำเป็นออกมารับมือโควิด-19 อาทิ ยกเลิกกิจกรรมกีฬา ดนตรี และการชุมนุมกันของคนหมู่มาก นอกจากนี้ยังสั่งปิดโรงเรียน และมหาวิทยาลัย สั่งห้ามผู้ที่เดินทางจากประเทศกลุ่มเสี่ยงและแถบยุโรป ยกเว้นอังกฤษเข้าประเทศ

ขณะที่ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ผู้นำสหรัฐได้พบหารือกับประธานาธิบดีบราซิลและยืนใกล้กับโฆษกฝ่ายสื่อบราซิล ที่ติดเชื้อโควิด-19 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์กล่าวว่า มีโอกาสที่เขาจะเข้ารับการตรวจหาเชื้อในเร็วๆ นี้ แต่ยังไม่ได้กักตัวเองเพราะไม่มีอาการป่วยแต่อย่างใด .