ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯ เพิ่มเป็นมากกว่า 1,200 รายแล้ว ขณะที่จำนวนรัฐที่ประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อต่อสู้กับการระบาดก็เพิ่มเป็น 24 รัฐแล้ว
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 1,283 รายแล้ว หลังจากพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีก 289 รายในวันพุธที่ 11 มี.ค. 2563 ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้นอีก 7 คน รวมเป็นทั้งหมด 37 คนแล้ว
ตามรายงานของ ซีเอ็นเอ็น จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีถึง 24 รัฐที่ต้องประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อต่อสู้กับการระบาดของไวรัสตัวนี้ ล่าสุดคือรัฐแอริโซนา, นิวเม็กซิโก, ลุยเซียนา, อาร์คันซอ และวอชิงตัน ดี.ซี. ขณะที่ นายชัค ชูเมอร์ ผู้นำ ส.ว.เสียงข้างน้อยในวุฒิสภาเตรียมจะขอให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติด้วย

...
ในหมู่ผู้เสียชีวิตรายใหม่ทั้ง 7 คน มีถึง 4 คนอยู่ในรัฐวอชิงตัน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 มากที่สุด มีผู้ติดเชื้อถึง 273 ราย โดยเมื่อวันพุธ เมืองใหญ่ของรัฐอย่างเมืองซีแอตเติลก็ประกาศปิดโรงเรียนรัฐทุกแห่งเป็นเวลา 14 วัน ขณะที่มีรายงานพบผู้เสียชีวิตรายแรกในนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย
แพทย์อาวุโส 2 คนของสหรัฐฯ เตือนระหว่างการประชุมคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรว่า เดือนเมษายนจะเป็นช่วงเวลาวิกฤติสำหรับการรับมือการระบาด “มันวิกฤติเพราะเราต้องจริงจังมากยิ่งขึ้นต่อสิ่งที่เราอาจเผชิญ กรณีติดเชื้อไม่กี่รายในวันนี้ จะเพิ่มขึ้นเป็นมากมายในวันพรุ่งนี้” ดร.แอนโธนี เฟาชี ผู้อำนวยการสถานบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าว
ขณะที่ ดร.โรเบิร์ต เรดฟีลด์ ผู้อำนวยการซีดีซี สำทับว่า “นี่คือเวลาที่ทุกคนจะต้องร่วมมือกัน นี่ไม่ใช่เพียงความรับผิดชอบของรัฐบาลและระบบสาธารณสุข มันเป็นความรับผิดชอบของอเมริกาทั้งหมด”