เสียงท้วงติงจากนักการเมืองฟิลิปปินส์บางส่วนในรัฐสภาระหว่างการประชุมงบประมาณด้านพลังงาน 2020 อ้างประเทศชาติอาจเผชิญเหตุการณ์ “ไฟดับทั้งประเทศ” ไม่วันใดก็วันหนึ่ง
เหตุผลคือ ตั้งแต่ปี 2552 รัฐบาลฟิลิปปินส์เปิดโอกาสให้กลุ่มบริษัทเอกชนจากจีนเข้ามาร่วมหุ้นบริษัทเครือข่ายพลังงานแห่งฟิลิปปินส์ (NGCP) กลุ่มธุรกิจภาคเอกชน โดยบริษัทจีนถือครองหุ้น 40 เปอร์เซ็นต์
ตามทฤษฎีแล้ว ผู้ถือครองหุ้นส่วนสามารถใช้อิทธิพลครอบงำกระบวนการดำเนินงานของบริษัทได้ไม่ยาก นั่นหมายความว่ารัฐบาลปักกิ่งสามารถสั่ง “ปิด–เปิด” สวิตช์เครือข่ายกระแสไฟฟ้าในฟิลิปปินส์ได้ง่ายๆ
แม้ฟิลิปปินส์ยังไม่เคยเผชิญเหตุถูกโจมตีเครือข่ายพลังงานไฟฟ้ามาก่อน ทั้งไม่มีหลักฐานยืนยันความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุลักษณะนี้
แต่ถ้าเกิดเหตุขึ้นจริงๆ กว่าจะแก้ไขสถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติได้ อาจต้องใช้เวลานาน 24-48 ชั่วโมง
นโยบายต่างประเทศของฟิลิปปินส์ยุคสมัยประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต เอนเอียงออกจากพันธมิตรแนบแน่นยาวนานอย่างสหรัฐอเมริกา หันมามีเยื่อใยฝักใฝ่จีนมากขึ้น
แต่ความสัมพันธ์ฟิลิปปินส์กับจีนก็หาใช่ราบรื่นไร้รอยสะดุด โดยเฉพาะปัญหาดินแดนพิพาททะเลจีนใต้ อีกทั้งผลสำรวจความคิดเห็นชาวฟิลิปปินส์เสียงส่วนใหญ่ ไม่เชื่อมั่นจีนในฐานะชาติเพื่อนบ้านที่ดีจริงใจกับฟิลิปปินส์
วุฒิสมาชิก “ริซา ออนติเวรอส” กล่าวอ้างความเป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ โดยแนะนำผู้คนลองจินตนาการถ้าประเทศใดประเทศหนึ่งต้องการยึดครองพื้นที่ทางทะเลของฟิลิปปินส์ ประเทศนั้นอาจใช้วิธีทำลายกระบวนการเลือกตั้ง สกัดกั้นการเข้าถึงเครือข่ายการสื่อสาร
โทรคมนาคมและระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ทำให้เศรษฐกิจชาตินั้นค่อยๆล่มสลาย รวมถึงพยายามเขย่าเสถียรภาพด้านความมั่นคงในประเทศ
...
เสียงท้วงติงห่วงกังวลของนักการเมืองบางส่วนของฟิลิปปินส์ดังข้ามถึงกำแพงเมืองจีน กระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงการณ์ระบุพันธะหุ้นส่วนธุรกิจจีนกับฟิลิปปินส์ถือเป็นเรื่องสมประโยชน์ทั้งสองฝ่ายแบบ “วิน–วิน”
ความสัมพันธ์นี้ไม่ควรถูกฝ่ายใดยกอ้างขึ้นมาปลุกปั่น และจีนกับฟิลิปปินส์ก็กำลังร่วมกันสำรวจแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในพื้นที่ทะเลจีนใต้ด้วย...
อานุภาพ เงินกระแชง