พ่อเคยพาผมไปในพื้นที่หุบเขาสวัตในสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานหลายครั้ง สถานที่แห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางทางพุทธศาสนาสมัยโบราณ บางครั้งก็ยังเจอสถูปพระพุทธศาสนาในหุบเขา มีการ พบพระพุทธรูปสไตล์กรีกโบราณ มีศิลปะทางพุทธศาสนาอายุกว่า 1,500 ปีบนหน้าผาหินและมีภาพปูนปั้นตำนานชาดก
เมื่อเดือนที่แล้ว ฯพณฯ อะศิม อิฟติคัร อะห์มัด เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานประจำประเทศไทยเชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย ไปสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหลายเรื่อง ที่สถานทูต เรื่องหนึ่งซึ่งสนทนากันในวันนั้นก็คือ เรื่องการเดินทางไปในดินแดนต่างๆของปากีสถานของพ่อผมในห้วง 20 ปีที่ผ่านมา
พ่อเล่าให้ท่านทูตฟังว่า 15 ปีที่แล้ว พ่อเข้าไปในดินแดนหุบเขาที่เรียกว่าตักไบ และพบอาณาจักรทางพุทธศาสนาโบราณที่ยิ่งใหญ่มาก พบเห็นพระพุทธรูปซึ่งมีความเก่าแก่หลายสิบองค์ แต่น่าเสียดายที่พระพุทธรูปจำนวนไม่น้อยถูกตัดพระเศียร แต่สถูปเจดีย์ ศาลาปฏิบัติธรรมและพุทธศาสนสถานอย่างอื่นยังอยู่ครบสมบูรณ์
18 ปีที่แล้ว พ่อเคยไปอาศัยอยู่ในเรือกสวนไร่นาของผู้คนในจังหวัดโนเชรา เมื่อชาวบ้านขุดบ่อน้ำหรือไถพรวน ก็ยังได้พบพระพุทธรูปและพุทธศาสนวัตถุหลากหลายประเภท
ก่อนยุคของพระเจ้าอโศกมหาราช ยังไม่มีการสร้างพระพุทธรูป ชาวพุทธในยุคนั้นซาบซึ้งอมตะธรรมของพระพุทธเจ้ามากกว่าสิ่งอื่น กระทั่งพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชมาตีดินแดนทางแถบนี้ ทหารในกองทัพกรีกจำนวนหนึ่งซึ่งไม่ได้กลับไปทวีปยุโรปได้ลงหลักปักฐานสร้างครอบครัวในดินแดนซึ่งเป็นปากีสถานและอัฟกานิสถานทุกวันนี้
ความซอกแซกจากการเข้าไปสำรวจแร่อัญมณีและเคยไปอยู่ตามช่องชายแดนเพื่อรออัญมณีที่มาจากอัฟกานิสถาน จึงได้พบเห็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวทั่วไปไม่ได้ประสบพบเจอ ที่น่าสนใจในพื้นที่หลายแห่งก็คือ ร่องรอยทางพุทธศาสนาที่ยังสมบูรณ์ ปัจจุบัน ผู้คนทางแถบนี้จำนวนหนึ่งก็ยังมีตาสีฟ้าแบบพวกคอเคซอยด์ตามบรรพบุรุษซึ่งเป็นคนกรีก
...
สมัยก่อนตอนที่โลกยังไม่มีโซเชียลมีเดีย ชาวบ้านพบพระพุทธรูปและพุทธศาสนวัตถุแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจ แต่ปัจจุบันมีการลงภาพในโซเชียลมีเดียจนเป็นที่ฮือฮาของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก เดี๋ยวนี้มีคลิปค้นพบวัตถุโบราณออกมาอย่างต่อเนื่องทั้งจากปากีสถานและอัฟกานิสถาน
คัมภีร์พุทธศาสนาอายุมากกว่า 2 พันปีที่พบในถ้ำบริเวณเส้นทางสายไหมในแคว้นคันธาระ หรือคันธาราฐ จารึกโดยพระอรหันต์สาวกในราวพุทธศตวรรษที่ 6 แคว้นคันธาระปัจจุบันคือดินแดนที่อยู่ในหุบเขาเปศวาร์ในปากีสถาน อยู่ระหว่างเทือกเขาสุไลมานติดพรมแดนของอัฟกานิสถาน ผู้ที่นำคัมภีร์พุทธศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในโลกออกมาสู่โลกภายนอกคือชนพื้นเมืองอัฟกานิสถานที่แอบเอาออกจากถ้ำก่อนที่นักรบตาลีบันจะระเบิดหมู่พระพุทธรูปด้วยระเบิดไดนาไมต์ เมื่อมีนาคม 2544 ตามคำสั่งของนายมุลลอฮ์ มุฮัมมัด อุมัร ผู้นำอัฟกานิสถานซึ่งเป็นพวกตอลีบัน
ส่วนของคัมภีร์โบราณที่สมบูรณ์ประมาณ 5 พันชิ้น และส่วนแตกหักอีก 8 พันชิ้นถูกนำไปขายให้พ่อค้าของเก่าชาวอังกฤษ ต่อมาได้เป็นสมบัติของสถาบันอนุรักษ์สเคอเยนแห่งราชอาณาจักรนอร์เวย์ นักภาษาศาสตร์นานาชาติใช้เวลา 12 ปีทำการชำระ ศึกษา จึงทราบว่านี่เป็นคัมภีร์แห่งพระพุทธศาสนาที่จารึกไว้โดยพระอรหันต์สาวก
โชคดีที่ทูตปากีสถานท่านปัจจุบัน ฯพณฯ อะศิม อิฟติคัร อะห์มัด เป็นผู้เปิดกว้างต้อนรับพุทธศาสนิกชนชาวไทยเข้าไปเยือนดินแดนต่างๆ ทางฝั่งปากีสถานซึ่งเคยเป็นสถานที่โบราณอันศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาพุทธ ยุคนี้เป็นอีกยุคหนึ่งซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ปากีสถานรุ่งเรืองเฟื่องฟุ้ง เพราะมีความสัมพันธ์ทางด้านศาสนาเกิดขึ้น
นอกจากนั้น ยังโชคดีที่เชฟของภัตตาคาร Cafeteria Nitinagin ของผมที่กุ้ยหลิน คือคุณมงคล สาริกานนท์ เคยทำงานในกรุงคาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสถาน อยู่หลายปีและมีข้อมูลที่น่าสนใจอยู่จำนวนหนึ่งซึ่งน่าเข้าไปศึกษาค้นคว้าต่อ.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com