สหรัฐฯ เปลี่ยนจุดยืนที่ยึดถือมานาน 41 ปี โดยระบุว่า การที่อิสราเอลสร้างย่านที่อยู่ชาวยิวในเขตเวสต์แบงก์ส่วนที่พวกเขายึดครอง ไม่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 18 พ.ย. 2562 นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ ประกาศเปลี่ยนแปลงจุดยืนเกี่ยวกับการที่ อิสราเอลสร้างย่านที่อยู่ชาวยิวในเขตเวสต์แบงก์ โดยไม่มองว่าเรื่องนี้เป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศแล้ว

“หลังจากศึกษาข้อถกเถียงทางกฎหมายของทุกฝ่ายอย่างระมัดระวังแล้ว รัฐบาลนี้เห็นด้วยกับประธานาธิบดี (โรนัลด์) เรแกน ว่า การสร้างที่พักพลเรือนอิสราเอลในเขตเวสต์แบงก์ ไม่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศในตัวของมันเอง” นายปอมเปโอ กล่าว และว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะไม่แสดงความเห็นเรื่องสถานะทางกฎหมายของสถานที่พักใดๆ หรือพูด หรือตัดสินไปก่อนเรื่องสถานะของเขตเวสต์แบงก์

ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ
ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ

...

ทั้งนี้ การสร้างที่อยู่ชาวยิวในเวสต์แบงก์เป็นหนึ่งในข้อขัดแย้งใหญ่ที่สุดระหว่างอิสราเอลกับชาวปาเลสไตน์ โดยอิสราเอลยึดพื้นที่ในเขตเวสต์แบงก์และนครเยรูซาเลมฝั่งตะวันออกในช่วงสงคราม 6 วันเมื่อปี 2510 ก่อนที่พวกเขาจะสร้างที่อยู่อาศัยของชาวยิวในพื้นที่ดังกล่าว โดยปัจจุบันมีชาวยิวอาศัยอยู่กว่า 600,000 คน

อย่างไรก็ตาม หลายประเทศรวมทั้งสหรัฐฯ ในยุคนั้น มองว่าการสร้างที่อยู่อาศัยของอิสราเอลเป็นเรื่องผิดกฎหมายระหว่างประเทศ ขณะที่ปาเลสไตน์เรียกร้องให้อิสราเอลรื้อถอนอาคาร โดยอ้างว่าตั้งอยู่ในดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกอิสราเอลยึดครองในช่วงสงคราม

คำประกาศของนายปอมเปโอ นับเป็นการปฏิเสธแถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ในปี 2521 ที่ระบุว่า การสร้างที่พักของอิสราเอลในเวสต์แบงก์ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ นับเป็นความเคลื่อนไหวสนับสนุนอิสราเอลครั้งล่าสุดของสหรัฐฯ ซึ่งน่าจะเพิ่มความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ กับชาวปาเลสไตน์ และเพิ่มความแตกแยกระหว่างรัฐบาลทรัมป์ กับพันธมิตรในยุโรปให้กว้างขึ้นอีก