พ่อผมไปเหมืองพลอยในป่าที่เมืองรัตนาปุระ ศรีลังกา เมื่อปลายเดือนตุลาคม 2562 กลับมาถึงเมืองไทยก็เดินทางต่อมาเมืองจีน ช่วงนี้ไปไหนมาไหนเจอแต่คนจีนกับอินเดีย สองชาติที่ประชากรมากเป็นอันดับ 1 และ 2 ของโลก ไม่ใช่มากแต่จำนวนประชากรเพียงอย่างเดียว แต่มากไปด้วยพลังการบริโภคสูงอย่างนึกไม่ถึง พิสูจน์จากร้านภัตตาคารอาหารไทย Cafeteria Nitinagin แห่งที่ 3 ที่เพิ่งเปิดที่เมืองกุ้ยหลินเมื่อ 11 เดือน 11 ที่ผ่านมา ลูกค้าเข้าคิวกันยาวมาก
บริษัทอัญมณีขนาดเล็กของกลุ่มบริษัทเราก็ขายได้ดีต่อเนื่อง เมื่อมาดูยอดการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยก็ไปได้สวย ขณะที่ธุรกิจอื่นไม่ค่อยดีนัก มกราคม-สิงหาคม พ.ศ.2562 ยอดการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับรวมของไทยพุ่งไปถึง 11,452 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 3.43 แสนล้านบาท ตลาดอาเซียนก็มาแรงครับ โตมากกว่าร้อยละ 90 อินเดียโตถึงร้อยละ 84
ที่สุดของตลาดอัญมณีและเครื่องประดับที่ไทยส่งออกยังคงเป็นที่สิงคโปร์ ครองส่วนแบ่งตลาดมากถึงร้อยละ 85 เพิ่มขึ้นร้อยละ 307 กัมพูชาก็มาแรง เพิ่มขึ้นมากถึงร้อยละ 137 ส่วนตลาดยุโรป สหรัฐฯ และรัสเซียยอดการส่งออก ‘ลดลง’ ทุกแห่ง
ขณะนี้ที่อินเดียการค้าขายไปได้ดีทุกหมวด รัฐบาลของนายนเรนทรา โมดีเก่ง ต้องยอมรับว่าไม่ใช่เก่งธรรมดา แต่เก่งมากครับ ออกนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ปังทุกอย่าง โดยกระตุ้นไปที่คนชั้นกลาง ทำให้คนชั้นกลางมีกำลังซื้อมากขึ้น ช่วยดึงให้เศรษฐกิจของคนรากหญ้ากระเตื้องขึ้นไปด้วย คนเราพอภาวะทางเศรษฐกิจดีขึ้น ก็สามารถใช้จ่ายเพื่อตอบสนองความสุขของตัวเองได้สูงขึ้น ทั้งเรื่องการท่องเที่ยว การแต่งตัว การซื้ออัญมณีและเครื่องประดับ ฯลฯ
แต่ก่อนร่อนชะไร เราพบคนอินเดียที่ไหน ก็จะจินตนาการถึงแขกยาม แขกขายผ้า และแขกขายถั่ว แต่เดี๋ยวนี้คนอินเดียคือผู้บริโภคที่มีพลังซื้อสูงอันดับต้นของโลก ยิ่งเรื่องอัญมณีและเครื่องประดับ คนอินเดียนิยมประดับประดาจนนึกว่าเป็นตู้อัญมณีเคลื่อนที่ คาดว่าใน พ.ศ.2568 ตลาดอัญมณีและเครื่องประดับของอินเดียจะมีมูลค่าสูงถึง 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 3 ล้านล้านบาท เท่ากับงบประมาณของไทยทั้งปี ทุกสำนักเศรษฐกิจทำนายทายตรงกันว่า พ.ศ.2568 คนชั้นกลางของอินเดียจะมีจำนวนมากถึง 500 ล้านคน นี่ละครับ อภิพญามหายอดพลังซื้อของโลกของแท้
...
น่าเสียดายพ่อค้าอัญมณีไทยที่ในห้วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจของประเทศไม่อำนวย ทำให้การบุกไปในแหล่งพลอยใหม่ไม่คึกคักเหมือนเมื่อสิบยี่สิบปีก่อน ตุลาคม 2562 ที่ตลาดพลอยเมืองรัตนาปุระ พ่อผมเดินตั้งแต่ต้นยันท้ายถนน บุกเข้าไปในเหมืองในป่า ไม่เจอพ่อค้าพลอยชาวไทยแม้แต่คนเดียว ไปพบผู้คนที่เคยคบค้าสมาคมกันเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ต่างนั่งรำลึกนึกถึงความหลังและก็เสียดายความรู้ด้านพลอยของคนไทยที่เคยเป็นอันดับ 1 ของโลก แต่ปัจจุบันไม่ใช่แล้ว
แม้ว่าธุรกิจอัญมณีของไทยจะดี แต่เมื่อสำรวจลึกเข้าไปก็พบว่าเป็นของบริษัทขนาดใหญ่ จำนวนไม่น้อยที่มีเจ้าของเป็นคนต่างประเทศที่มาตั้งบริษัทในไทย ใช้ชื่อบริษัทสัญชาติไทยส่งออก ตัวเลขสูงจริง แต่เม็ดเงินไม่กระจัดพลัดพรายไปถึงรากหญ้าเหมือนเมื่อก่อน
ก่อนหน้านี้ อัญมณีประเภทพลอยในสหรัฐฯไม่ดัง แต่ขณะนี้มีการเจอพลอยเนื้อแข็งทุกสีในหลายพื้นที่ของเทือกเขาร็อกกี้ที่ทอดยาวจากเม็กซิโกไปจนถึงมหาสมุทรอาร์กติก ผ่านสหรัฐฯที่รัฐอริโซนา นิวเม็กซิโก โคโลราโด ยูทาห์ เนวาดา ไวโอมิง ไอดาโฮ และมอนตานา ผ่านแคนาดาที่รัฐแอลเบอร์ตา บริติชโคลัมเบีย และดินแดนยูคอน ไปจนถึงรัฐอลาสกาของสหรัฐฯอีกครั้งหนึ่ง
ผมคิดว่าวงการอัญมณีจะมีการเปลี่ยนผู้เล่นหลักในตลาดอย่างมโหฬารในเร็วๆนี้ เดือนหน้า ร.ต.อ. ดร.นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย จะไปแคนาดา หนึ่งในภารกิจก็คือการตระเวนดูแหล่งแร่อัญมณีใหม่ๆ และก็คงจะส่งข่าวกลับมาให้พวกเราทราบครับ.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com