(ภาพ) เจ้านโรดม รณฤทธิ์


ขอขอบพระคุณนายชัยรัตน์ พรทิพย์วรเวทย์ กงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง นางสาววรรณลดา รัตนพานิช กงสุล (ฝ่ายการพาณิชย์) ณ นครหนานหนิง นางสาววัลยา รื่นบุตร กงสุล และนางชะไมพร สายสิม กงสุล ข้าราชการไทย ณ นครหนานหนิง และแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมงานเปิดภัตตาคารอาหารไทย ‘เฟยไท่ชาน’ หรือ ‘Cafeteria Nitinagin’ ชั้น 3 ห้างสรรพสินค้า MixC เมืองกุ้ยหลิน เขตการปกครองตนเองกว่างสี สาธารณรัฐประชาชนจีน ของผมและครอบครัว เมื่อเวลา 11.11 น. วันจันทร์ที่ 11 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2562

ก่อนเปิดร้าน 1 คืน มีผู้ใหญ่เดินทางมาร่วมแสดงความยินดีล่วงหน้าจากกรุงปักกิ่งและเมืองอี้อู นอกจากจะคุยกันเรื่องโรงงานสกัดสารซีบีดีจากกัญชงแล้ว ก็ยังคุยกันถึงประเทศในกลุ่มอาเซียน โดยเฉพาะกัมพูชา ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งสนทนาถึงเจ้านโรดม รณฤทธิ์ และพรรคฟุนซินเปก ซึ่งในอดีตท่านเคยได้พบผู้นำและสมาชิกพรรคสำคัญบางคน ผมบอกเดี๋ยวนี้แทบจะไม่มีชื่อของเจ้ารณฤทธิ์และพรรคฟุนซินเปกในเวทีการเมืองของกัมพูชาแล้วครับ

ท่านถามว่า พรรคฟุนซินเปกหายไปเพราะอะไร ผมตอบรับใช้ท่านว่า พรรคนี้เสื่อมจากการที่เข้าไปร่วมรัฐบาลเมื่อ พ.ศ.2551 ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งนั้น พรรคประชาชนกัมพูชาได้ ส.ส.มากถึง 90 คน จึงสามารถตั้งรัฐบาลได้เพียงพรรคเดียว รัฐธรรมนูญกัมพูชาเขียนไว้ว่า พรรคที่มี ส.ส.เสียงข้างมาก หรือเกินกว่าร้อยละ 50 ของ ส.ส.ทั้งหมด ไม่ติดขัดกับเงื่อนไขที่จะต้องมี ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 2 ใน 3 ของทั้งหมด

แต่สมเด็จฮุน เซน ให้ฟุนซินเปกร่วมรัฐบาลได้ ถ้ายอมเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค พรรคฟุนซินเปกซึ่งอดอยากปากแห้งมานาน ความที่อยากเข้าร่วมรัฐบาล สมาชิกพรรคจึงโหวตเอานายเขียว พุธ รัสมี (ที่มีภรรยาชื่อเจ้าหญิงอรุณ รัสมี พระธิดาในสมเด็จนโรดม สีหนุ) ออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค และเอาพลเอกเนก บุญชัย เข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคแทน

...

อย่างที่ผมเคยเรียนรับใช้ไปแล้วนะครับ ว่าการเมืองกัมพูชาตั้งแต่ดั้งเดิมเมื่อ พ.ศ.2536 โน่นแล้ว ที่ผู้คนแบ่งความนิยมออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเอาเจ้า อีกฝ่ายหนึ่งไม่เอาเจ้า ประชาชนที่ไม่เอาเจ้ามักจะเลือกพรรคประชาชนกัมพูชาของสมเด็จฮุน เซน ประชาชนฝ่ายนิยมเจ้าจะเลือกพรรคฟุนซินเปก

นายเขียว พุธ รัสมี (ซึ่งมีภรรยาเป็นเจ้าหญิง) จึงเป็นหัวหน้าพรรคที่มาจากราชวงศ์หรือเกี่ยวข้องกับพระราชวงศ์ที่ต้องกระเด็นออกไปจากพรรค และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พรรคฟุนซินเปกก็หมดความขลังต่อประชาชนที่นิยมเจ้า การเลือกตั้ง พ.ศ.2556 พรรคฟุนซินเปกจึงได้คะแนนจากประชาชนทั่วประเทศเพียง 2.4 แสนคะแนน คะแนนจิ๊บจ๊อยเพียงเท่านี้ กกต.กัมพูชาไม่จัดสรรให้ได้ที่นั่งในสภาดอกครับ

การเลือกตั้ง พ.ศ.2561 พรรคฟุนซินเปกก็ไม่ได้ ส.ส. สมาชิกพรรคในขณะนั้นต่างโหยหาความรุ่งเรืองเฟื่องฟุ้งในอดีตที่พรรคของตนเคยมี ส.ส.มากถึง 58 ที่นั่ง (2536) 43 ที่นั่ง (2541) 26 ที่นั่ง (2546) 2 ที่นั่ง (2551) ซึ่งภายหลังเหลือเพียง 0 ที่นั่ง (2556) และ 0 ที่นั่ง (2561)

ความตกต่ำของพรรคฟุนซินเปกมาจากหัวหน้าพรรคคนแรกคือ เจ้ารณฤทธิ์ ที่เป็นนักการเมืองที่ไม่เด็ดขาด เมื่อมีอำนาจท่านไม่รักษาคำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนและไม่มุ่งมั่นสร้างความนิยมในหมู่ประชาชน

พ.ศ.2551 ขณะที่พรรคฟุนซินเปกยังมีความนิยมอยู่ เจ้ารณฤทธิ์ก็ยังแยกตัวออกไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ชื่อพรรคนโรดม รณฤทธิ์ และเมื่อเข็นพรรคนโรดม รณฤทธิ์นี้ลงสนามเลือกตั้ง ประชาชนทั้งประเทศมอบความไว้ใจให้เพียง 3.3 แสนคน ในขณะที่พรรคสม รังสี ซึ่งประชาชนมองว่ามีความมุ่งมั่น สู้จริง ไม่ใช่กลัวๆกล้าๆ ได้ ส.ส.ในครั้งนั้นมากถึง 26 คน

พ.ศ.2556 สมาชิกพรรคฟุนซินเปกต้องการรื้อฟื้นความนิยมจากประชาชนที่นิยมเจ้า ก็ไปเอาท่านนโรดม อรุณ รัสมี มาเป็นหัวหน้าพรรคฟุนซินเปก แต่ก็ไม่ได้ ส.ส.สักคนเดียว

ฟุนซินเปกเป็นพรรคการเมืองที่เป็นเม็ดข้าวสาร ให้เอาไปหย่อนในสถานที่อุดมสมบูรณ์อย่างไร ก็ไม่สามารถงอกเป็นต้นกล้าได้ดอกครับ.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com