...แม่น้ำไนล์ สายน้ำยาวไกลที่สุดในโลกแห่งทวีปแอฟริกา ความยาวมากกว่า 6,695 กม. ไหลผ่าน 11 ประเทศ รวมถึงเอธิโอเปีย ซูดานและอียิปต์
ต้นกำเนิดแม่น้ำไนล์ เกิดจากการรวมตัวของแม่น้ำสายใหญ่ 2 สาย คือ แม่น้ำบลูไนล์ (Blue Nile) จากเอธิโอเปีย กับแม่น้ำไวต์ไนล์ (White Nile) จากแอฟริกาฝั่งตะวันออก รวมถึงเคนยา แทนซาเนีย ยูกันดา สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และซูดานใต้ ไหลไปรวมกันในซูดาน ผ่านอียิปต์ออกทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำไนล์หล่อเลี้ยงอารยธรรมโบราณมากมาย รวมถึงอารยธรรมอียิปต์อายุเก่าแก่กว่า 5,000 ปี
ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กำลังคืบคลานสู่แม่น้ำไนล์เช่นเดียวกับลุ่มแม่น้ำสายสำคัญๆของโลกอีกหลายแห่งนับตั้งแต่งานก่อสร้างเขื่อน “แกรนด์ เอธิโอเปียน เรเนส์-ซองซ์” ––Grand Ethiopian Renaissance Dam หรือ GERD บนแม่น้ำสายบลูไนล์ บริเวณชายแดนเอธิโอเปียกับซูดานเมื่อช่วงปี 2554
เขื่อนแห่งนี้ถูกกำหนดสถานะ “โรงไฟฟ้าพลังน้ำแหล่งใหญ่ที่สุดของทวีปแอฟริกา” หรือใหญ่อันดับ 7 ของโลก กำลังการผลิตกระแสไฟฟ้า 6.45 กิกะวัตต์ งานก่อสร้างเขื่อนด้วยงบประมาณกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จนถึงปี 2560 เสร็จแล้ว 60 เปอร์เซ็นต์
ถ้าเขื่อนแห่งนี้สร้างเสร็จในไม่กี่ปีข้างหน้า ต้องใช้เวลาอีก 5-15 ปี เพื่อเติมเต็มมวลน้ำมหาศาลให้ได้ระดับความสูงของแอ่งน้ำในท้ายที่สุด 632 เมตร
ข้อตกลงระหว่างประเทศของกลุ่มชาติท้ายน้ำเขื่อน GERD คือ ซูดานจำเป็นต้องได้รับน้ำอุปโภคบริโภคและเพื่อการเกษตรมากเฉลี่ยปีละกว่า 18,500 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนอียิปต์จำเป็นต้องได้รับน้ำเพื่อจุดประสงค์เดียวกันเฉลี่ยปีละ 55,500 ล้านลูกบาศก์เมตร
...
แต่ด้วยประชากรอียิปต์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆใกล้ถึง 100 ล้านคนเข้าไปทุกที ยิ่งทำให้ความต้องการใช้น้ำจืดมากขึ้นอีก เพราะอียิปต์พึ่งพาแหล่งน้ำจืดจากแม่น้ำไนล์ใช้ในประเทศมากถึง 90 เปอร์เซ็นต์
ชาวอียิปต์ใช้น้ำเฉลี่ยต่อคนต่อปีราว 570 ลูกบาศก์เมตร แต่รัฐบาลจำเป็นต้องกักตุนน้ำเผื่อเหลือเผื่อขาดให้ได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีราว 1,000 ลูกบาศก์เมตร
แหล่งน้ำในอียิปต์มากราว 80 เปอร์เซ็นต์ ถูกใช้เพื่อการเกษตร แต่ยิ่งผลพวงจากสภาพอากาศโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หรือ “ไคลเมต เชนจ์” ส่งผลกระทบต่อชาวโลกรุนแรงขึ้น ปัญหาการแย่งและแบ่งปันแหล่งน้ำจืดก็จะขยับขั้นเข้มข้นขึ้นด้วย...
อานุภาพ เงินกระแชง