เพลิงเผาปราสาทไม้เก่าแก่อายุกว่า 500 ปีที่เป็นมรดกโลก สัญลักษณ์สำคัญของเกาะโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น เจ้าหน้าที่ดับเพลิงระดมฉีดน้ำนานกว่า 10 ชั่วโมง แต่ต้านทานความแรงของไฟไม่อยู่ เผาตัวปราสาทพังเสียหายชนิดไม่เหลือซาก ท่ามกลางความเสียใจเสียดายของชาวญี่ปุ่นและชาวโลก
ชาวญี่ปุ่นและชาวโลกต่างพากันเศร้าสะเทือนใจต่อการสูญเสีย “ปราสาทชูริ” ที่เป็นปราสาทไม้อายุเก่าแก่กว่า 500 ปี อันเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเกาะโอกินาวา จากเหตุเพลิงไหม้จนเสียหายย่อยยับ ทั้งนี้ เหตุไฟไหม้ปราสาทเก่าแก่ของญี่ปุ่นดังกล่าว เกิดขึ้นในช่วงเวลา 02.47 น. วันที่ 31 ต.ค. ตามวันเวลาญี่ปุ่น ซึ่งเร็วกว่าเวลาไทย 2 ชั่วโมง โดยต้นเพลิงเกิดที่อาคารหลักที่สร้างแบบซับซ้อนของปราสาท เจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงของญี่ปุ่น เร่งระดมฉีดน้ำดับไฟที่ลุกโหมไหม้ตัวปราสาทนานกว่า 10 ชั่วโมง จึงควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ เพราะเปลวไฟโหมไหม้อย่างรุนแรง และมีลมพัดแรงมาเป็นระยะๆ จึงยิ่งทำให้เปลวเพลิงลุกโหมไหม้ลามไปทุกส่วนของตัวอาคาร ส่วนสาเหตุยังไม่รู้แน่ชัดและไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บ
เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบหลังเพลิงสงบพบว่า เพลิงได้เผาผลาญโครงสร้างอาคารสำคัญของปราสาทที่ตั้งอยู่บนหุบเขาในเมืองนาฮา เมืองเอกของจังหวัดโอกินาวา ทางภาคใต้ของญี่ปุ่น จนเหลือแต่เถ้าถ่านทั้ง 7 อาคาร รวมทั้งห้องโถงใหญ่และหอมังกร แม้ว่าตัวปราสาทติดตั้งระบบฉีดน้ำสปริงเกอร์อยู่บริเวณ ด้านนอก แต่ตามอาคารโถงใหญ่ๆไม่ได้ติดตั้ง จึง ทำให้ไฟเผาผลาญปราสาทจนวอดวายกลายเป็นเถ้าถ่านในที่สุด โดยชาวบ้านที่ทราบข่าวไฟไหม้ปราสาทเก่าแก่อายุหลายร้อยแห่งนี้ ต่างพากันเสียดายและเสียใจ เนื่องจากมีความเชื่อกันว่าปราสาทชูริเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงการดำรงอยู่ของเทพเจ้า
...
สำหรับปราสาทไม้ชูริ สร้างในยุคอาณาจักรริวกิว ในช่วงศตวรรษที่ 12-17 ตามสถาปัตยกรรมผสมผสานจากจีนและญี่ปุ่น ได้รับการขึ้นบัญชีเป็นมรดกโลกจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และ วัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก เมื่อปี 2543 มีโครงสร้างขนาดใหญ่โตโอ่โถงสีแดงสด หลังคามุงด้วยกระเบื้องทรงโบราณ มีกำแพงล้อมรอบคดเคี้ยวไปตามสภาพพื้นที่หุบเขา เคยถูกไฟไหม้ 3 ครั้งระหว่างยุคอาณาจักรริวกิวและถูกทำลายย่อยยับโดยฝีมือทหารอเมริกันช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และยังถูกใช้เป็นวิทยาเขตมหาวิทยาลัยสาธารณะขนาดใหญ่ที่สุดของเกาะโอกินาวา ในช่วงทศวรรษ 1970
โครงสร้างไม้ปัจจุบันก่อนถูกไฟไหม้ ส่วนใหญ่ได้รับการบูรณะซ่อมแซมใหม่ ตามแบบแปลนดั้งเดิมและสร้างตามรูปภาพเก่าของปราสาท เปิดเป็นอุทยานแห่งชาติให้ชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ได้เข้าชมหลังการซ่อมแซมเสร็จสิ้นเมื่อปี 2535 และองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ขึ้นบัญชีเป็นมรดกโลกเมื่อปี 2543 นอกจากนี้ยังได้รับคัดเลือกเป็นจุดแวะพักของการวิ่งคบเพลิงมหกรรมกีฬาโอลิมปิกในปี 2020 ที่จะมีขึ้นที่กรุงโตเกียว (2020 Tokyo Olympic) อีกด้วย
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นมีปราสาทเก่าแก่อยู่ทั่วประเทศ ส่วนใหญ่ได้รับการบูรณะซ่อมแซมจากโครงสร้างเดิมที่ผุกร่อนทรุดโทรมตามกาลเวลา และช่วงทศวรรษปัจจุบัน มีปราสาทหลายแห่งเสียหายจากภัยพิบัติธรรมชาติรวมทั้งปราสาทคุมาโมโต บนเกาะคิวชู ทางภาคใต้ พังเสียหายจากแผ่นดินไหวหลายระลอกและอยู่ระหว่างขั้นตอนบูรณะซ่อมแซม