ฮ่องกงปล่อยตัวผู้ต้องสงสัยฆาตกรรมแฟนสาว ที่เป็นชนวนเหตุให้เกิดการประท้วงใหญ่ช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาแล้ว แต่เรื่องนี้ก็ทำให้เกิดความขัดแย้งกับไต้หวัน เรื่องวิธีส่งตัวเขาไปดำเนินคดี
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันพุธที่ 23 ต.ค. 2562 ทางการฮ่องกงปล่อยตัวนาย ชาน ตง-ไข่ วัย 20 ปี ผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมอดีตแฟนสาวของตัวเองที่ไต้หวัน ซึ่งเป็นชนวนให้ฮ่องกงผลักดันแผนแก้กฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน จนทำให้ประชาชนในเขตปกครองพิเศษแห่งนี้ไม่พอใจ และเกิดการประท้วงต่อต้านมาจนถึงทุกวันนี้แล้ว
นาย ชาน ตง-ไข่ ก่อเหตุฆาตกรรมน.ส. ปุน ฮุยวิง แฟนสาววัย 20 ปีซึ่งกำลังตั้งครรภ์ได้ 5 เดือนในคืนระหว่างวันที่ 16-17 ก.พ.ปีก่อนระหว่างท่องเที่ยวในไต้หวัน แล้วหนีกลับมาฮ่องกง ก่อนจะถูกตำรวจฮ่องกงจับกุมตัวในวันที่ 13 มี.ค. โดยในระหว่างการสอบสวนนายชานยอมรับสารภาพว่าฆาตกรรมแฟนสาวจริง รวมทั้งเปิดเผยจุดที่ทิ้งศพด้วย

...
อย่างไรก็ตามนายชานถูกดำเนินคดีในข้อหาฟอกเงิน เนื่องจากนำบัตรเอทีเอ็มของน.ส.ปุนซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว ไปถอนเงิน กว่า 3,100 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 93,800 บาท และถูกสั่งจำคุกนาน 29 เดือน แต่เขายอมรับผิดศาลจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ส่วนข้อหาฆาตกรรม ศาลฮ่องกงออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2562 ว่าพวกเขาไม่มีอำนาจในการตัดสินความผิดที่เขาก่อในไต้หวัน และไม่สามารถขยายเวลาคุมขังเขาได้
ด้วยเหตุนี้ นายชานจึงได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 23 ต.ค. หลังถูกคุมขังนาน 19 เดือน โดยเขาเผชิญหน้ากับสื่อมวลชนที่มารอทำข่าว แล้วค้อมศีรษะและกล่าวขอโทษครอบครัวของน.ส.ปุนต่อความเจ็บปวดและความเสียใจที่เกิดจากการกระทำของเขา และว่า เขาจะกลับไปมอบตัวเพื่อรับการดำเนินคดีที่ไต้หวัน

แต่การปล่อยตัวนายชานทำให้เกิดความขัดแย้งใหม่ระหว่างฮ่องกงกับไต้หวัน ในเรื่องวิธีการส่งตัวนายชานมาดำเนินคดีข้อหาฆาตกรรม เนื่องจากทั้งสองฝ่ายไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน โดยไต้หวันไม่ยอมรับการให้นายชานมามอบตัว เพราะสงสัยว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแผนของจีนที่ต้องการทำเหมือนไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา และขอให้มีการเจรจาข้อตกลงเรื่องการส่งตัวนายชาน
ด้านฮ่องกงปฏิเสธข้อสงสัยของไต้หวัน ระบุว่าเป็นเรื่องไร้สาระ นายชานมีอิสระที่จะเดินทางไปไต้หวันแล้วมอบตัวด้วยตัวเอง และขอให้ไต้หวันรับตัวผู้ต้องสงสัยที่ต้องการจะมอบตัวอย่างสมัครใจไว้ ฮ่องกงยังปฏิเสธข้อเสนอของไต้หวันที่ต้องการส่งเจ้าหน้าที่มาคุมตัวนายชานกลับไปด้วย โดยระบุว่าเป็นการไม่เคารพ และเป็นความพยายามก้าวล่วงอำนาจการตัดสินคดีทางกฎหมายของฮ่องกง