รัฐบาลฮ่องกงเตรียมงัดกฎหมายฉุกเฉินที่ไม่ได้ใช้มากว่า 50 ปีมาใช้ เพื่อสั่งห้ามไม่ให้ผู้ประท้วงสวมหน้ากากระหว่างการชุมนุม

เมื่อ 3 ต.ค. 2562 สื่อท้องถิ่นของฮ่องกงรายงานว่า รัฐบาลฮ่องกงเตรียมงัดกฎหมายฉุกเฉินซึ่งมีมาตั้งแต่ยุคที่พวกเขาอยู่ภายใต้การครอบครองของอังกฤษมาใช้ เพื่อสั่งห้ามไม่ให้มีการสวนหน้ากากปิดบังใบหน้าระหว่างการชุมนุมในที่สาธารณะ โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรเทาความรุนแรงของการประท้วงที่กำลังเกิดขึ้น

กฎหมายดังกล่าวมีชื่อว่า พระราชบัญญัติข้อบังคับฉุกเฉิน (Emergency Regulations Ordinance) ซึ่งไม่ได้ใช้มานาน 50 ปีแล้ว โดยกฎหมายนี้จะให้อำนาจนาง แคร์รี แลม ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง ออกข้อบังคับใดๆ ที่เห็นว่าเหมาะสมต่อประโยชน์สาธารณะ ในกรณีฉุกเฉินหรือมีอันตรายต่อสังคมเท่านั้น

พระราชบัญญัติข้อบังคับฉุกเฉิน ครั้งสุดท้ายในปี 2510 เพื่อหยุดการก่อจลาจลในฮ่องกง โดยครั้งนั้นรัฐบาลใช้กฎหมายที่เพื่อเพิ่มอำนาจในการจับกุม, การเซนเซอร์สื่อ และการตรวจค้น ขณะที่คาดว่ารัฐบาลฮ่องกงจะประกาศห้ามสวมหน้ากากในวันศุกร์ที่ 4 ต.ค.นี้ หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมของสภาผู้บริหารฮ่องกงแล้ว

ทั้งนี้ ฮ่องกงเผชิญการประท้วงรุนแรงมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยมีชนวนเหตุจากการต่อต้านกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ที่ชาวฮ่องกงกังวลว่าจะบ่อนทำลายอำนาจตุลาการเสรีของพวกเขา และอาจเป็นอันตรายต่อผู้ต่อต้านรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ แต่เป้าหมายการประท้วงขยายออกไปเป็นการต่อต้านรัฐบาลในเวลาต่อมา

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ความไม่สงบในฮ่องกงทวีความรุนแรงขึ้น เกิดการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับตำรวจบ่อยครั้ง จนนักข่าวชาวอินโดนีเซียถูกยิงด้วยกระสุนยางเข้าที่ตาขวาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จนตาบอดถาวร ต่อมาในวันอังคาร ผู้ประท้วงวัย 18 ปี ก็ได้รับบาดเจ็บหลังจากตำรวจยิงปืนกระสุนจริงเข้าที่หน้าอกในระยะประชิด

...

อนึ่ง ผู้ประท้วงในฮ่องกงนิยมใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกระบุตัวและถูกตำรวจจับกุม แต่ช่วงที่ผ่านมา ตำรวจแก้ทางด้วยการใส่สีฟ้าในน้ำที่ฉีดใส่ผู้ชุมนุม เพื่อให้สามารถตามระบุตัวในภายหลังได้ง่ายขึ้น