(ภาพ) โรเบิร์ต มูกาเบ


ความเจริญหรือล้าหลังของประเทศใดประเทศหนึ่งขึ้นอยู่กับผู้นำจริงๆครับ ผมเพิ่งมีโอกาสสนทนากับกลุ่มคนจีนที่ไปทำธุรกิจในสาธารณรัฐซิมบับเวตั้งแต่ในยุคที่นายโรเบิร์ต มูกาเบ เป็นประธานาธิบดี เรื่อยมาจนถึงตอนที่แกถูกรัฐประหารและปัจจุบัน มูกาเบถึงแก่อสัญกรรมตายกลายเป็นผีไปแล้ว ความเปลี่ยนแปลงอย่างมโหฬารในทางที่ดีในซิมบับเวเกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

สมัยที่มูกาเบครองอำนาจตั้งแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษ พ.ศ.2523 เป็นต้นมา เป็นเวลาเกือบ 40 ปี มูกาเบใช้กำลังของรัฐคุกคามนักการเมืองของพรรคฝ่ายตรงข้าม โกงคะแนนการเลือกตั้งทุกครั้ง และเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญให้อำนาจบริหารแก่ประธานาธิบดีซึ่งก็คือตัวเอง

ระยะหลังที่มูกาเบปกครองประเทศ ใครจะนึกว่าอัตราเงินเฟ้อของซิมบับเวจะสูงขึ้นมากกว่า 23 ล้านเปอร์เซ็นต์ เป็นตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในโลกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับประเทศใดที่ไหนมาก่อน เงินของซิมบับเวมีค่าน้อยกว่ากระดาษชำระ ใช้ซื้อมีดพก กระจกเงา กระเป๋าหิ้ว แว่นตา นาฬิกา ฟันปลอมไม่ได้ ประชาชนต้องไปอาศัยเงินแรนด์ของแอฟริกาใต้แทน

คนซิมบับเวเวทนาน่าสงสาร ทรัพยากรเต็มประเทศ แต่แทบทุกคนตกงาน ไม่มีอะไรจะกิน การศึกษาไม่ดี ไม่มีน้ำสะอาด การประปา ไฟฟ้าของซิมบับเวแย่ที่สุดในโลก ผู้คนอยู่กันอย่างลำบากยากแค้น มีโรคร้ายระบาดบ่อย อัตราการติดโรคเอดส์และอหิวาตกโรคสูงมาก แต่ผู้นำกลับนิ่งดูดาย คิดว่ายังไงข้าก็มีอำนาจค้ำฟ้า อยู่เหนือพวกเอ็งตลอดไปแน่

ขณะที่ประชาชนอด มูกาเบกลับหาโอกาสจัดงานเลี้ยงบ่อยมาก โอกาสสำคัญนิดหน่อยก็จัดงานฉลอง เอางบประมาณรัฐบาลไปจัดเลี้ยงเพื่อนฝูงญาติพี่น้องและต้องเชิญแขกต่างประเทศมาร่วมงาน เหมือนกับจะสร้างภาพให้เห็นว่าประเทศของข้ายังมีความเป็นอยู่ที่ดี

...

มูกาเบสร้างความนิยมในหมู่ประชาชนคนผิวสีท้องถิ่นด้วยการออกนโยบายยึดที่ดินของคนซิมบับเวผิวขาว ซึ่งบรรพบุรุษของพวกนี้เข้ามาอยู่ในแผ่นดินซิมบับเวตั้งแต่สมัยอาณานิคม ฝรั่งผิวขาวเข้ามาอยู่ซิมบับเวแล้วก็ไม่อยากออกดอกครับ เพราะซิมบับเวอุดมสมบูรณ์มาก ดินดี น้ำดี มีทรัพยากรแร่ธาตุเหลือเฟือ

คนผิวขาวสร้างผลผลิตทางเกษตรกรรมได้ก็นำออกขายในประเทศและส่งออก นำเม็ดเงินเข้ามาใช้จ่ายในซิมบับเว แต่เพราะความโง่เขลาเบาปัญญาและเพราะต้องการหาเสียงของมูกาเบ ทำให้แกขับไล่เจ้าของที่ดินเดิมออกจากผืนดินเกษตรกรรมของตัวเอง แล้วก็ให้คนผิวสีท้องถิ่นเข้าไปเป็นเจ้าของแทน

ความที่ไม่เคยทำธุรกิจมาก่อน เมื่อคนผิวสีเข้าไปครอบครองบ้านช่องห้องหอและที่ดินทำกินแล้ว ต่างก็นอนเล่นเย็นใจไปวันๆ โดยไม่มีการสร้างผลผลิต สุดท้ายประเทศก็เจ๊ง พอคนผิวสีสร้างผลผลิตไม่ได้ มูกาเบก็ออกกฎหมายพิเศษให้หน่วยงานราชการขับไล่คนผิวสีมากกว่า 7 แสนคน ให้ออกจากพื้นที่ คนพวกนี้ก็ยิ่งยากจนเพิ่มขึ้น หน่วยงานระหว่างประเทศพยายามเข้าไปช่วยเหลือ นายมูกาเบก็ไม่ยอม

กระทั่งฟ้าเปลี่ยนสีที่ซิมบับเว การลงทุนทำธุรกิจไม่ว่าจะของคนตะวันตก หรือของคนจีนดีขึ้น เมื่อมีบริษัทและโรงงาน มีการทำเรือกสวนไร่นา ก็มีการจ้างงาน เศรษฐกิจเริ่มหมุนเวียน ประชาชนก็เริ่มแฮปปี้มีความสุข

แม้จะครองอำนาจอยู่หลายสิบปี ทว่าเมื่อตายกลายเป็นผีไปแล้ว ไม่มีใครร่ำหาอาลัยนายมูกาเบสักคน มีแต่สาปแช่งให้ตกนรกหมกไหม้ ไม่ใช่เฉพาะคนซิมบับเวดอกครับ แม้แต่ประชาชนคนนอกประเทศและรู้เรื่องของมูกาเบ ต่างก็สาปแช่งแกเช่นกัน

สมัยที่มูกาเบยังมีชีวิตอยู่ ข่าวของแกที่แพร่ออกมามักเป็นเรื่องความฟุ่มเฟือยหรูหราสำราญ ภรรยาของแกคนล่าสุดที่ชื่อเกรซ มูกาเบ ไปช็อปปิ้งในกรุงปารีสไม่ถึงวัน หมดเงินซื้อของไปหลายล้านบาท ตอนนี้เกรซโดนตั้งกรรมการสอบทุจริต เธอไม่สามารถชี้แจงได้ว่าทรัพย์สินอันมากมายมหาศาลเหล่านั้นได้มาที่ไหน ยังไงบ้าง

ประเทศเจริญหรือตกต่ำ ขึ้นอยู่กับผู้นำครับ.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com