(Photo by DAENG MANSUR / AFP)
การประท้วงต่อต้านรัฐบาลครั้งใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย นับตั้งแต่การลุกฮือขับไล่ผู้นำจอมเผด็จการ “ซูฮาร์โต” ในปี 2541 ปะทุขึ้นในกรุงจาการ์ตาและอีกหลายเมืองทั่วประเทศตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ซ้ำเติมการจลาจลด้านเชื้อชาติที่ จ.ปาปัว ซึ่งมีผู้เสียชีวิตแล้วหลายสิบคน บาดเจ็บหลายร้อยคน
ชนวนเหตุเกิดจากการต่อต้านกฎหมายต่อสู้คอร์รัปชันฉบับใหม่ที่ไปลดอำนาจของคณะกรรมการปราบปรามคอร์รัปชัน (ปปช.) ให้อ่อนแอลง ซึ่งผ่านรัฐสภาแล้ว แต่ผู้ประท้วงชี้ว่ายิ่งจะทำให้การปราบคอร์รัปชัน “ถอยหลังเข้าคลอง” และขอให้ยกเลิก
จากนั้นการประท้วงลุกลามเป็นการต่อต้านร่าง ก.ม.ปฏิรูปประมวลกฎหมายอาญาฉบับเดิมซึ่งใช้มาตั้งแต่อินโดฯเป็นอาณานิคมของฮอลแลนด์ เพราะร่างประมวล ก.ม.อาญาฉบับใหม่กำหนดว่าการมีเพศสัมพันธ์นอกสมรส การทำแท้งโดยไม่มีความฉุกเฉินทางการแพทย์หรือไม่ถูกข่มขืนและการหมิ่นประมาทประธานาธิบดี มีความผิดทางอาญา นอกจากนี้ยังเพิ่มความเข้มงวดของ ก.ม.หมิ่นศาสนาอิสลามซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอยู่แล้วเข้าไปด้วย
การประท้วงยังบานปลายไปถึงการต่อต้านการใช้กำลังทหารใน จ.ปาปัว และความล้มเหลวของรัฐบาลในการยับยั้ง “ไฟป่า” บนเกาะสุมาตราและบอร์เนียว ซึ่งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2558 ทำให้ควันพิษแผ่กระจายไปยังหลายประเทศในอาเซียน รวมทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และไทยอยู่ในขณะนี้
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าประธานาธิบดีโจโก วิโดโด หรือ “โจโกวี” ผู้มีภาพลักษณ์ “ขวัญใจมหาชน” จะถูกฝูงชนลุกฮือต่อต้านรุนแรงปานนี้ หลังขึ้นกุมอำนาจสมัยแรกเมื่อปลายปี 2557 ก่อนชนะเลือกตั้งสมัยที่ 2 ต้นปีนี้ และจะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งใน 20 ต.ค.นี้
...
ชาวอินโดฯฝากความหวังไว้กับ “โจโกวี” สูงมาก โดยเฉพาะเรื่องกำจัดคอร์รัปชัน เพราะเขามีปูมหลังเป็นคนรากหญ้า ติดดิน รู้ซึ้งปัญหาของชาวบ้านผู้ทุกข์ยาก แตกต่างจากชนชั้นสูงที่ปกครองกดขี่อินโดฯมายาวนาน
แต่การประท้วงรุนแรงที่ปะทุขึ้น สะท้อนชัดเจนว่าประชาชน “เสื่อมศรัทธา” โจโกวีอย่างมาก บางคนชี้ว่าเขาก็คือนักการเมืองทั่วๆไปที่ยอมสยบต่อแรงกดดันทางการเมืองจนเผยตัวตนที่แท้จริง...แค่ให้ได้อยู่ในอำนาจ
“โจโกวี” จะรับมือ “วิกฤติศรัทธา” นี้อย่างไร...น่าติดตามอย่างยิ่ง!
บวร โทศรีแก้ว