อเมริกาสยองอีก คนร้ายไล่กราดยิงคนสองจุด ต่างรัฐ ต่างเวลาห่างกันไม่ถึง 24 ชั่วโมง ทำให้มีคนตายเพียบ โดยที่รัฐเท็กซัส ทางใต้ของประเทศ หนุ่มผิวขาววัย 21 ฉายเดี่ยวใช้ปืนไรเฟิลกราดยิงคนในห้างวอลมาร์ต เมืองเอล ปาโซ ส่งผลตายอย่างน้อย 20 ศพ เป็นชาวเม็กซิกัน 3 ราย แต่สุดท้ายจนมุมยอมให้ตำรวจจับกุมโดยดี เอฟบีไอคาดเป็นพวกชาตินิยมหัวรุนแรง ด้าน “ทรัมป์” ประณามทันควันเป็นพวกขี้ขลาด ส่วนอีกจุดเกิดที่รัฐโอไฮโอ ทางเหนือของประเทศ คนร้ายกราดยิงคนนอกบาร์ในเมืองเดย์ตัน ส่งผลคนตาย 9 ศพ เจ็บนับสิบ แต่สุดท้ายถูกตำรวจวิสามัญฯ คาที่เกิดเหตุ
ประเทศสหรัฐอเมริกาเผชิญเหตุมือปืนกราดยิงผู้คนอย่างไม่เลือกหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 4 ส.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าเกิดเหตุมือปืนกราดยิงผู้คนที่ห้างวอลมาร์ต สาขาใกล้ห้างสรรพสินค้าซีโล วิสตา มอลล์ เมืองเอล ปาโซ รัฐเท็กซัส ทางภาคใต้ของสหรัฐฯ ใกล้ชายแดนประเทศเม็กซิโก เมื่อเวลาราว 10.39 น. วันเสาร์ 3 ส.ค.ตามเวลาท้องถิ่น หรือราว 23.39 น.คืนวันเดียวกันตามเวลาประเทศไทย โดยมือปืนมาเพียงคนเดียวพร้อมอาวุธปืนไรเฟิล บุกเข้าเปิดฉากกราดยิงผู้คนภายในห้างสรรพสินค้าวอลมาร์ต ซึ่งห้วงเวลาดังกล่าวมีผู้คนอยู่ภายในห้างราว 3,000 คน ลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ระหว่างเลือกซื้อหาอุปกรณ์เครื่องใช้สำหรับเด็กนักเรียนเตรียมเปิดเทอม
จากการกราดยิงอย่างไม่เลือกหน้าของมือปืน ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 20 ราย บาดเจ็บกว่า 26 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรุดเข้าพื้นที่เกิดเหตุรุนแรงได้ภายใน 6 นาที ก่อนยุติสถานการณ์ลงได้อย่างรวดเร็วโดยไม่มีการยิงปะทะ และจับกุมตัวคนร้ายได้สำเร็จ ทราบชื่อคนร้ายคือ นายแพทริค ครูเซียส วัย 21 ปี ชาวเมืองอัลเลน อยู่ห่างเมืองเอล ปาโซไปทางตะวันออกราว 1,046 กม.
...
ต่อมามีการเผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในห้างสรรพสินค้าวอลมาร์ต ช่วงคนร้ายก่อเหตุ ซึ่งเห็นชัดเจนว่า มือปืนสวมเสื้อยืดสีเข้มและสวมอุปกรณ์ครอบหูป้องกันเสียงดัง เดินถือปืนกราดยิงผู้คนไปทั่วบริเวณ ส่งผลให้ผู้คนภายในห้างพากันแตกตื่นวิ่งหนีหลบคมกระสุนกันอย่างจ้าละหวั่น และหลังเกิดเหตุไม่นาน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้าปิดล้อมพื้นที่และควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ โดยมีคนที่มาเดินช็อปปิ้งบางส่วน หลบออกจากห้างฯมาได้ พร้อมชูมือแสดงความบริสุทธิ์ต่อเจ้าหน้าที่
จากนั้นประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ทวีตข้อความประณามการกระทำของคนร้ายต่อเหตุการณ์ดังกล่าวว่าเป็นการกระทำที่ขี้ขลาดตาขาว เพราะไม่มีเหตุผลใดที่ต้องทำร้ายคนบริสุทธิ์ ส่วนประธานาธิบดีมานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ผู้นำเม็กซิโก ระบุมีชาวเม็กซิกันเสียชีวิตจากเหตุรุนแรงครั้งนี้ด้วย 3 คน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่หน่วยงานสืบสวนกลางหรือเอฟบีไอ ได้เข้ามาทำคดีและอยู่ระหว่างสืบสวนไขปริศนาการก่อเหตุรุนแรงครั้งนี้ แต่เบื้องต้นเชื่อว่านายแพทริคอาจเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนผิวขาวชาตินิยม หรือ “อุดมการณ์คนผิวขาว” ซึ่งปลุกระดมแนวร่วมและเผยแพร่อุดมการณ์ผ่านสื่อออนไลน์ โดยมุ่งทำร้ายโจมตีชุมชนชาวอเมริกันเชื้อสายฮิสแปนิกหรือกลุ่มชาวละตินอเมริกันที่พูดภาษาสเปน
ด้านนายเกรค อัลเลน หัวหน้าตำรวจเมืองเอล ปาโซ ระบุผู้เคราะห์ร้ายเสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่จำนวนมาก ทำให้ต้องร้องขอให้คนช่วยบริจาคโลหิตช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเป็นการด่วน
เหตุกราดยิงในรัฐเท็กซัสครั้งนี้ ถือเป็นเหตุมือปืน กราดยิงผู้คนครั้งร้ายแรงอันดับ 8 ในประวัติศาสตร์สหรัฐฯยุคใหม่ ทั้งยังเกิดขึ้นซ้ำภายในสัปดาห์เดียวหลังเหตุมือปืนวัยรุ่นผิวขาววัย 19 ปี กราดยิงผู้คนในเทศกาลอาหารที่รัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อวันอาทิตย์ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา คร่าชีวิตผู้มาเที่ยวชมงาน 3 ราย รวมทั้งเด็ก 2 คน บาดเจ็บราว 15 คน ส่วนมือปืนถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฯ หลังก่อเหตุได้ไม่นาน
หลังเกิดเหตุกราดยิงในรัฐเท็กซัสไม่ถึง 24 ชั่วโมง สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเพิ่มเติมว่า เกิดเหตุคนร้ายกราดยิงคนอีกที่รัฐโอไฮโอ ทางภาคเหนือของประเทศ โดยมือปืนกราดยิงผู้คนบริเวณด้านนอกบาร์แห่งหนึ่งในเมืองเดย์ตัน เขตโอเรกอน เหตุรุนแรงเกิดขึ้นเมื่อเวลาราว 01.22 น. วันอาทิตย์ 4 ส.ค. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลา 12.22 น. วันที่ 4 ส.ค. ตามเวลาประเทศไทย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บ 16 คน ก่อนที่คนร้ายที่คาดว่ามีเพียงคนเดียว ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฯ ณ บริเวณที่เกิดเหตุ รวมผู้เสียชีวิต 10 ราย เบื้องต้นทางการยังไม่เปิดเผยรายละเอียดของมือปืน รวมถึงผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ แต่ทำให้กระแสสังคมอเมริกันหันมาให้ความสนใจเรื่องกฎหมายควบคุมอาวุธปืนอย่างเข้มงวดขึ้นมาอีกระลอก
ต่อมา กระทรวงการต่างประเทศของไทยแจ้งว่า ได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ถึงเหตุกราดยิงที่เมืองเอล ปาโซ ว่า สถานทูตฯ ร่วมกับสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ เมืองฮุสตัส และสถานกงสุลใหญ่ กิตติมศักดิ์ ณ เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส แล้ว เบื้องต้นยังไม่มีรายงานคนไทยในบริเวณดังกล่าวได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ทั้งนี้ สามารถติดต่อหมายเลขฉุกเฉินของสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ที่ +1 202 999 7690 และเฟซบุ๊ก ฝ่ายกงสุล Thaiconsulardc