โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อ้างจีนผิดสัญญาที่ว่าจะซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ประกาศตั้งกำแพงภาษี 10% แก่สินค้าจากจีนชุดใหม่มูลค่ากว่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 9.26 ล้านล้านบาท) โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.นี้ ขณะที่การเจรจาระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายเพื่อแก้ปัญหาทางการค้ามีสัญญาณความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

นายทรัมป์ทวีตข้อความในวันพฤหัสบดีที่ 1 ส.ค. 2562 ว่า การจัดเก็บภาษีดังกล่าวจะใช้กับสินค้าและผลิตภัณฑ์นำเข้าจากจีนที่เหลือซึ่งไม่ได้ถูกตั้งกำแพงภาษีก่อนหน้านี้ นายทรัมป์ยังโจมตีจีนว่า ไม่รักษาสัญญาที่ว่าจะซื้อสินค้าทางการเกษตรจากสหรัฐฯ มากขึ้น และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ก็ไม่เพิ่มความพยายามที่จัดลดการขายยาเฟนทานิล

ทั้งนี้ การตั้งกำแพงภาษีครั้งล่าสุดของนายทรัมป์ เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสความกังวลว่า ยุทธศาสตร์ของเขาอาจส่งผลตรงกันข้าม และทำร้ายสหรัฐฯ มากกว่าจีน โดยในวันพฤหัสบดีนาย แกรี โคห์น อดีตหัวหน้าที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของนายทรัมป์ ออกโรงเตือนว่า การต่อสู้ทางภาษีกำลังส่งผลกระทบกับภาคการผลิตและการลงทุนของสหรัฐฯ

ผลจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ธนาคารสหรัฐฯ (เฟด) ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี

ขณะที่การเจรจานาน 2 วันระหว่างตัวแทนของสหรัฐฯ และจีน ที่นครเซี่ยงไฮ้จบลงเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยแทบไม่มีความคืบหน้า แม้ทั้ง 2 ฝ่ายจะบอกกว่าการพูดคุยเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ก็ตาม สหรัฐฯ กับจีนยังมีกำหนดการเจรจากันรอบใหม่ในเดือนกันยายนด้วย