ดาวเคราะห์แคระเซเรส Credit : NASA/Jet Propulsion Laboratory
การวิจัยก่อนหน้าเผยว่าดวงจันทร์น้ำแข็งบริวารของดาวพฤหัสบดี อย่างยูโรปา (Europa) และแกมีนีด (Ganymede) มีรอยแยกบนพื้นผิว เชื่อว่าเกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์เย็นตัวลงและน้ำแข็งบางส่วนละลาย เพราะน้ำมีความหนาแน่นมากกว่าน้ำแข็งจึงบังคับให้มีการขยายตัวภายใน นอกจากนี้ มีข้อมูลว่าดาวเคราะห์ที่ทำจากหิน เช่น ดาวอังคารและดาวพุธ ก็มีแนวโน้มจะเกิดริ้วรอยบนพื้นผิวเช่นกัน ตามเชื่อที่ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อดาวเคราะห์เย็นตัวลงนั่นเอง
ล่าสุด ทีมวิจัยจากหลายสถาบันในสเปนได้ข้อมูลจากยานอวกาศดอว์น (Dawn) ที่ใช้ศึกษาดาวเคราะห์แคระที่ใหญ่ที่สุด 3 ดวงในแถบดาวเคราะห์น้อยระหว่างดาวพฤหัสบดีและดาวอังคาร ทำให้พบหลักฐานที่บ่งบอกว่าดาวเคราะห์แคระเซเรส (dwarf planet Ceres) ความกว้างประมาณ 940 กิโลเมตร เป็นที่รู้จักมากที่สุดและโคจรอยู่ในแถบดาวเคราะห์น้อยดังกล่าว ซึ่งพบพื้นที่ 15 แห่งที่ดูเหมือนจะเป็นรอยเลื่อนผิดปกติ แสดงให้เห็นว่าดาวเคราะห์แคระเซเรส กำลังหดตัวลงและส่งผลให้เกิดริ้วรอยย่นบนพื้นผิว การค้นพบนี้น่าประหลาดใจ เพราะข้อบกพร่องของแรงผลักดันส่วนใหญ่ตั้งอยู่ใกล้กับขั้วดาว พื้นผิวอาจง่ายต่อการตรวจสอบเนื่องจากสภาพแสง
ทั้งนี้ ทีมวิจัยสันนิษฐานว่าดาวเคราะห์แคระเซเรสอาจหดตัวเนื่องจากการก่อตัวของชั้นวัตถุที่แตกต่างกันภายใต้พื้นผิว ดังนั้นจะต้องวิจัยเพิ่มเติมและมุ่งเน้นไปที่ความผิดพลาดที่เกิดจากแรงผลักดัน เพื่อที่จะเติมรายละเอียดให้กับช่องว่างประวัติศาสตร์ของดาวเคราะห์แคระได้มากยิ่งขึ้น.