เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงครั้งที่ 2 ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งรุนแรงกว่าครั้งก่อนที่เกิดขึ้นในวันชาติสหรัฐฯ มาก อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เริ่มกลับสู่ปกติ แม้ว่าจะเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอย่างต่อเนื่องก็ตาม

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผู้เชี่ยวชาวประเมินความรุนแรงของแผ่นดินไหวขนาด 7.1 ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ทางใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อวันศุกร์ที่ 5 ก.ค. ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ว่ารุนแรงกว่าแผ่นดินไหวระดับ 6.4 ที่เกิดในวันชาติสหรัฐฯ 4 ก.ค. ถึง 11 เท่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตรวจสอบความเสียหายเบื้องต้น ไม่พบผู้เสียชีวิต มีเพียงผู้บาดเจ็บเล็กน้อย และอาคารได้รับความเสียหายไม่มาก

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ตามค่าที่ได้จากเครื่องมือวัดแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว แผ่นดินไหวเมื่อวันศุกร์มีขนาดใหญ่กว่าแผ่นดินไหวในวันชาติถึง 5 เท่า และมีการปลดปล่อยพลังงาน ซึ่งเป็นปัจจับหลักที่สร้างความเสียหาย ออกมามากกว่าถึง 11 เท่า

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉินเผยว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ได้หนักอย่างที่กังวล มีรายงานไฟไหม้, แก๊สรั่ว และไฟดับหลายจุด ซึ่งปัญหาไฟดับส่วนใหญ่เริ่มคลี่คลาย แต่ที่เมืองริดจ์เครสต์และพื้นที่โดยรอบซึ่งอยู่ใกล้จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว คนราว 3,000 คนยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ขณะที่ถนนทุกสายที่เสียหายเพราะแผ่นดินไหวกลับมาเปิดใช้งานได้อีกครั้งแล้ว

...

ส่วนนาย เกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียออกมาเรียกร้องให้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และส่งความช่วยเหลือมาจากส่วนกลาง อย่างไรก็ตาม เขาระบุด้วยว่า มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อยถึงปานกลางจำนวนหนึ่ง แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต ซึ่งนับเป็นเรื่องที่โชคดีมาก

ทั้งนี้ แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ลูกล่าสุดที่เกิดขึ้นในแคลิฟอร์เนีย เกิดในเวลาประมาณ 20:19 น. วันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น จุดศูนย์กลางลึกเพียง 0.9 กม. ใกล้กับเมืองริดจ์เครสต์ ซึ่งห่างจากนครลอสแอนเจลิสไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 240 กม. ขณะที่ในวันพฤหัสบดี เกิดแผ่นดินไหวระดับ 6.4 ในบริเวณใกล้เคียงกันที่ความลึก 11 กม.

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า แผ่นดินไหวระดับ 6.4 เป็นแผ่นดินไหวนำ (foreshock) ของแผ่นดินไหว 7.1 และนับตั้งแต่วันพฤหัสบดี เกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาแล้วมากกว่า 4,700 ครั้ง ซึ่งนาย จอห์น เบลลินี นักธรณีวิทยาจากสำนักสำรวจธรณีวิทยาแห่งชาติสหรัฐฯ (USGS) ระบุว่า อาฟเตอร์ช็อกเกิดขึ้นทุกๆ 30 วินาทีถึง 1 นาที