สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่านทวีมากขึ้นทันที ที่เกิดเหตุการณ์ กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน ยิงโดรนลาดตระเวน ‘RQ-4A Global Hawk’ ของกองทัพเรือสหรัฐฯตก เมื่อ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา เพียงไม่กี่วัน หลังจากสหรัฐฯอ้างว่าอิหร่านลอบโจมตี วางระเบิดเรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำ ในอ่าวโอมาน

ตอนนี้ กำลังเกิดความหวั่นวิตกสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับชาติมหาอำนาจสหรัฐฯ จะยกระดับเป็นการเผชิญหน้ากันทางทหาร-ทั้งสองประเทศที่เป็นชาติปรปักษ์กันมานาน จะเปิดศึกสงครามกันหรือไม่?

หากย้อนดูไทม์ไลน์ ลำดับเหตุการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สหรัฐฯ กับอิหร่าน ก็ทำให้รู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงไม่น้อย..

*ทรัมป์ฉีกข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน

ตามรายงานของบีบีซี ระบุว่า ในเดือนพ.ค.2561 ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ที่อิหร่านลงนามกับชาติมหาอำนาจ 6 ประเทศ เพียงฝ่ายเดียว จากนั้น รัฐบาลทรัมป์ได้เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านมากขึ้น เพื่อบีบให้อิหร่านกลับมาเจรจาข้อตกลงใหม่อีกครั้ง ขณะที่ผลจากการที่อิหร่านถูกคว่ำบาตรทำให้เศรษฐกิจของอิหร่านแย่ลง

...

ถัดจากนั้นมาหนึ่งปี ในเดือน พ.ค.2562 รัฐบาลทรัมป์ ได้เพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลอิหร่าน ด้วยการหันมาคว่ำบาตรประเทศที่ยังคงซื้อน้ำมันจากอิหร่านอีกครั้ง หลังจากเคยยกเลิกไปแล้ว

เรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส อับราฮัม ลินคอล์น
เรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส อับราฮัม ลินคอล์น

ก่อนที่ไม่กี่วันต่อมา ดีกรีความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่านได้พุ่งกระฉูดทันที เมื่อสหรัฐฯได้ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส อับราฮัม ลินคอล์น พร้อมทั้งกองบินทิ้งระเบิด และเครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 มายังภูมิภาคตะวันออกกลาง หลังจากได้รับรายงานข่าวกรองว่ากองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน ตลอดจนกลุ่มตัวแทนของอิหร่าน มีแผนจะโจมตีผลประโยชน์และทหารของสหรัฐฯในภูมิภาคตะวันออกกลาง

ประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี แห่งอิหร่าน
ประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี แห่งอิหร่าน

*อิหร่านตอบโต้ ลั่นเลิกทำตามสัญญาบางส่วนข้อตกลงนิวเคลียร์

ประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานีของอิหร่าน ประกาศจะเลิกทำตามคำมั่นสัญาบางส่วนภายใต้ข้อตกลงนิวเคลียร์ เพื่อตอบโต้ที่ถูกสหรัฐฯคว่ำบาตรหนักข้อมากขึ้น รวมถึงจะเดินหน้าการเพิ่มการสะสมยูเรเนียมเสริมสมรรถนะต่ำที่สามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ และสามารถใช้ผลิตอาวุธด้วย


*เรือบรรทุกน้ำมัน 4 ลำโดนลอบโจมตีนอกชายฝั่ง UAE

ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดเมื่อสหรัฐฯส่งเรือบรรทุกเครื่องบินมายังตะวันออกกลาง ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณแข็งกร้าว พร้อมใช้กำลังทางทหารตอบโต้อิหร่านหากโจมตีผลประโยชน์ของสหรัฐฯในภูมิภาคนี้ ปรากฏว่า วันที่ 12 พ.ค.62 เรือบรรทุกน้ำมัน 4 ลำ ถูกลอบโจมตีด้วยการวางระเบิดนอกชายฝั่งสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ (UAE)ในอ่าวโอมาน ขณะที่สหรัฐฯกล่าวหาอิหร่านเป็นตัวการโจมตีครั้งนี้ ด้วยการใช้ทุ่นระเบิดแม่เหล็กติดกับตัวเรือ ทว่าอิหร่านปฏิเสธข้อกล่าวหา

*เรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำโดนโจมตีซ้ำอีก

...

ถัดจากนั้นมา 1 เดือน ได้เกิดเหตุเรือบรรทุกน้ำมัน ฟรอนต์ อัลแตร์ และโคคุกะ คอเรเจียส โดนลอบโจมตีในอ่าวโอมาน ซึ่งสหรัฐฯออกโรงเผยแพร่คลิปวิดีโอและภาพถ่าย อ้างว่าเป็นหลักฐานสำคัญกองทัพอิหร่านเป็นตัวการโจมตีในครั้งนี้ ขณะที่อิหร่านยืนกรานปฏิเสธ  

ต่อมา ประธานาธิบดีทรัมป์มีคำสั่งส่งกำลังทหารอเมริกันอีก 1,000 นายไปเสริมกำลังในตะวันออกกลาง

โดรนลาดตระเวน ‘RQ-4A Global Hawk’  ของกองทัพสหรัฐฯ
โดรนลาดตระเวน ‘RQ-4A Global Hawk’ ของกองทัพสหรัฐฯ

*อิหร่าน สอยโดรนสอดแนมสหรัฐฯร่วง

และแล้ว กองทัพอิหร่านก็ได้ยิงขีปนาวุธจากระบบป้องกันภัยทางอากาศไปสอยโดรนลาดตระเวนของสหรัฐฯตกเมื่อ 20 มิ.ย.62 อ้างว่า สหรัฐฯลอบส่งโดรนเข้ามาสอดแนมเหนือน่านฟ้าอิหร่าน

ขณะที่สหรัฐฯยืนยันว่า โดรนลำนี้บินอยู่ในน่านฟ้าสากลบริเวณช่องแคบฮอร์มุซ ก่อนต่อมา กองทัพอิหร่านได้เผยแพร่ภาพและโชว์คลิปซากโดรนที่อ้างว่าเป็นโดรนของสหรัฐฯที่ตกในดินแดนของอิหร่าน

...

*อิหร่านเตือน ‘อย่าล้ำเส้นแดง’

การยิงโดรนสหรัฐฯตกในครั้งนี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังสหรัฐฯให้รู้ว่า หากสหรัฐฯรุกล้ำพรมแดนอิหร่านจะต้องเจอกับการตอบโต้อย่างเต็มที่และเด็ดขาดแน่นอน ขณะที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน เตือนสหรัฐฯอย่างแข็งกร้าวว่า รัฐบาลเตหะรานจะตอบโต้อย่างแน่นอนต่อการรุกล้ำและคุกคามทุกอย่างของสหรัฐอเมริกา

*ทรัมป์สั่งโจมตีอิหร่าน ก่อนยอมยกเลิก

หลังจากโดรนลาดตระเวนของสหรัฐฯถูกอิหร่านยิงตกนั้น ประธานาธิบดีทรัมป์ได้อนุมัติคำสั่งให้ใช้ปฏิบัติการทางทหารโจมตีเป้าหมายทางทหารของอิหร่าน จากการสนับสนุนของที่ปรึกษาด้านความมั่นคงสายเหยี่ยว อย่างนายจอห์น โบลตัน รวมทั้งนายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศ ทว่าประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ยอมยกเลิกคำสั่งโจมตีอิหร่าน เนื่องจากถูกทักท้วงโดยแกนนำสมาชิกสภาคองเกรส เพราะเห็นว่ามาตรการใดๆ ต่ออิหร่านควรมีการหารือในสภาคองเกรสเสียก่อน

...

*มาถึงจุดสถานการณ์ตึงเครียดที่สุดแล้ว

เว็บไซต์อัลจาซีรา รายงานความเห็นของ นายอันเดรียส เครก ผู้เชี่ยวชาญที่สถาบันศึกษาด้านความมั่นคงของมหาวิทยาลัยคิงส์ คอลเลจในลอนดอนต่อสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่านในขณะนี้ว่า ดำเนินมาถึงจุดตึงเครียดที่สุดแล้ว และหากใครล้ำเส้น มีโอกาสที่จะนำไปสู่การเปิดฉากทำสงคราม ซึ่งทั้งสองฝ่ายควรแสดงความอดทนอดกลั้นให้มากที่สุด

‘สิ่งที่เราได้เห็นคือ ทั้งสองฝ่ายพยายามไม่ยกระดับความรุนแรงให้เพิ่มขึ้น จะเห็นว่าอิหร่านเลือกที่จะยิงโดรน อากาศยานไร้คนขับของสหรัฐฯ ในขณะที่ทรัมป์ก็เลือกที่จะยกเลิกคำสั่งใช้ปฏิบัติการทางทหารโจมตีอิหร่าน’ อันเดรียส เครก กล่าว

พร้อมชี้ว่าเวลานี้ทั้งสองฝ่ายสามารถที่จะใช้กลยุทธ์ทางทหารต่อกันได้อีกแค่เล็กน้อยเท่านั้น เพราะสถานการณ์ในขณะนี้มาถึงจุดตึงเครียดที่สุดแล้ว และเขาได้แต่หวังว่าอิหร่านและสหรัฐฯคงเข้าใจดีว่าไม่ควรล้ำเส้นกันอีกต่อไป หากไม่ต้องการให้เกิดการสู้รบกันครั้งใหญ่ และสถานการณ์ตีงเครียดที่ดำเนินมาถึงจุดนี้ คงมีแต่การใช้วิถีทางการทูตเท่านั้นที่จะทำให้สถานการณ์คลี่คลายลง.

อ่านข่าว