หยุด...ก่อนจะบานปลาย

ที่สุดรัฐบาลฮ่องกงชะลอร่างกฎหมาย “ส่งผู้ร้ายข้ามแดน” และการออกมาขอโทษประชาชนของนางแคร์รี่ หล่ำ ผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกง

ทำให้เหตุการณ์ชุมนุมประท้วงของชาวฮ่องกงยุติลง ท่ามกลางความขุ่นมัวในใจที่มิอาจจางหายไปได้

มิฉะนั้นเหตุการณ์จะบานปลายไปมากกว่านี้

อย่างน้อยก็ทำให้สถานการณ์สงบลงชั่วคราวไม่ใช่ถาวร เพราะความต้องการที่มากไปกว่านี้คือ ความไม่พอใจและต้องการให้ถอนร่างออกไป เพื่อให้ประเด็นนี้จบไป

ประเด็นที่มองข้ามไม่ได้ก็คือ การชุมนุมครั้งที่เกิดขึ้นนั้น เริ่มจากชาวฮ่องกงที่มาร่วมส่วนหนึ่ง ที่มากกว่าการชุมนุมที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ปรากฏว่า การนัดชุมนุมครั้งต่อไป ประชาชนเพิ่มจำนวน มากขึ้น จนครั้งสุดท้ายก่อนจะเลิกรามีจำนวนเกือบ 2 ล้านคน พูดได้ว่ามากันเกือบค่อนประเทศ

ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาอันแสดงถึงความไม่พอใจขั้นสูงสุด

ยังมีการพูดด้วยว่า ชาวต่างชาติเข้ามาร่วมชุมนุมและก่อปฏิกิริยาไปในทางที่พยายามสร้างความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่อีกด้วย

เป้าชี้ไปที่สหรัฐฯ ที่ไม่ได้พูดเรื่องการเข้าร่วมแต่ประกาศพร้อมสนับสนุนชาวฮ่องกงถือเป็นจุดยืนเดียวกัน

เท่ากับว่าให้การสนับสนุนอย่างออกนอกหน้า

มีอีกหลายประเทศที่วางนโยบายไม่ต่างกัน อย่างไต้หวันนั้นชัดเจนที่สุดและคงไม่ต้องพูดถึงประเทศอื่นๆ ทั้งจากยุโรปและเอเชียด้วยกัน

ถามว่าประเทศเหล่านี้มีอะไรเป็นเชื้อที่ต้องเข้ามาสนับสนุน คำตอบที่ชัดเจนที่สุดก็คือ ปัญหาที่เกิดขึ้นและการออกกฎหมายฉบับนี้

...

เบื้องหลังคือรัฐบาลจีน...

เพราะกฎหมายฉบับนี้จีนจะได้รับประโยชน์มากที่สุด และแสดงให้เห็นว่าผู้บริหารเกาะฮ่องกงอยู่ภายใต้อิทธิพลของจีนอย่างชัดเจน แม้จะเป็นเขตปกครองพิเศษ แต่อยู่ภายใต้การปกครองแบบ 1 ประเทศ 2 ระบบ

ที่แยกไม่ออกก็คือ ผู้ว่าการเกาะฮ่องกงคนนี้ แม้จะมาจากการเลือกตั้ง แต่ก็ได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากรัฐบาลจีน

การตัดสินใจต่างๆจึงต้องอยู่ภายใต้การครอบงำอย่างแยกไม่ออก

“ฮ่องกง” นั้นถือว่าเป็นประตูหนึ่งของจีน เพื่อติดต่อสัมพันธ์ ในด้านการค้าการลงทุนที่สำคัญและเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจที่เชื่อมต่อกัน

การเกิดปัญหานี้ขึ้นมาจึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่จีนต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เช่นเดียวกันในสถานการณ์ปัจจุบันที่จีนกำลังเกิดปัญหาสงครามการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาใหญ่

ทางออกที่ดีที่สุดเพื่อให้การชุมนุมยุติลงอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหลายด้านคือ การชะลอกฎหมายเอาไว้ก่อน

แม้จะยังไม่ประกาศถอนกฎหมายออกไป เพราะนั่นเท่ากับจะทำให้ “เสียหน้า” เท่ากับยอมสยบชั่วคราวไปก่อนไม่เปิดศึกหลายด้าน

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นยังไม่แน่ใจว่าจะเกิดขึ้นมาอีกเมื่อใด ก็ได้ แต่เพียงรอให้มีเงื่อนไขที่จะก่อเหตุขึ้นมาอีกเมื่อใดก็ได้

ที่สำคัญก็คือต้องไม่ยอมให้ “ฮ่องกง” เป็นพื้นที่เปิดเพื่อให้ประเทศที่เป็นศัตรูของจีนใช้เป็นพื้นที่ที่จะฉวยโอกาส เพื่อเข้ามาแทรกแซงด้วยเงื่อนไขที่ชอบธรรม

“ฮ่องกง” จึงเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่ล่อแหลมที่สุด.

“สายล่อฟ้า”